ตามรวบลูกจ้างแสบ สวมรอยเป็นเจ้าของร้าน
หอบมือถือลูกค้าหนี้เกลี้ยงร้าน
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.,
พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ, พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.นิตติโชติ เพ็ญจำรัส
รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล รอง ผบก.ปอศ.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปอศ. นำโดย พ.ต.อ.กริช วรทัต ผกก.4
บก.ปอศ., พ.ต.ท.รัฐพร คงสุโข รอง ผกก.4 บก.ปอศ. และ พ.ต.ต.หญิง ชนากานต์ นิรัมย์ สว.กก.4 บก.ปอศ. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง กก.4 บก.ปอศ.
ร่วมกันจับกุม นายราชิต (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น
ที่ 56/2563 ลงวันที่ 20 มีนาคม 2563 และ ศาลแขวงขอนแก่น ที่ 101/2564 ลงวันที่ 10 สิงหาคม 2564
ฐานความผิด “ร่วมกันลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้าง” และ “ฉ้อโกง”
สถานที่จับกุม บริเวณใกล้กับสถานีรถไฟราชบุรี ถนนคฑาธร ต.หน้าเมือง อ.เมืองราชบุรี จ.ราชบุรี
สืบเนื่องด้วยประมาณปี 2563 มีผู้เสียหายเจ้าของร้านจำหน่ายและรับซ่อมโทรศัพท์มือถือในห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางเมืองขอนแก่นรายหนึ่ง ได้มาแจ้งความดำเนินคดีกับนายราชิต สงวนนามสกุล ผู้ต้องหา กรณีที่ได้มาสมัครงานเป็นช่างซ่อมโทรศัพท์มือถือที่ร้านของตน โดยขณะนั้นผู้เสียหายเห็นว่านายราชิตฯ มีทักษะในการซ่อมโทรศัพท์มือถือ จึงรับเข้าทำงาน
หลังจากเข้ามาทำงานได้พักหนึ่ง ผู้เสียหายพบความผิดปกติภายในร้านหลายอย่าง เช่น กล้องวงจรปิดไม่ทำงาน ระบบอินเตอร์เน็ตที่เชื่อมต่อกับกล้องไม่ทำงาน หรือบ่อยครั้งพบว่ากล้องวงจรปิดภายในร้านถูกหันไปทางอื่น เป็นต้น
จนภายหลังผู้เสียหายทราบจากลูกค้าที่นำโทรศัพท์มือถือมาซ๋อมว่า นายราชิตฯ มักอ้างตัวเป็นเจ้าของร้าน หลอกลูกค้าว่าจะนำโทรศัพท์ส่งศูนย์ฯซ่อม
เมื่อสอบถามไปที่ศูนย์ฯ ก็พบว่าไม่มีการนำโทรศัพท์ของลูกค้าไปซ่อมตามที่กล่าวอ้างจริง ผู้เสียหายจึงสอบถามไปยังนายราชิตก็อ้างว่านำโทรศัพท์มือถือของลูกค้ากลับไปซ่อมที่บ้านและพยายามบ่ายเบี่ยงไม่นำโทรศัพท์มือถือของลูกค้ามาคืน
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 5 มี.ค.63 นายราชิตฯ ได้ลักเอาโทรศัพท์มือถือที่ลูกค้านำมาซ่อมและโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของร้านที่มีราคาสูง รวมกว่า 20 เครื่อง แล้วหลบหนีไป จึงได้รวบรวมหลักฐานเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมาย จน
ต่อมาพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหาไว้ และได้ประกาศสืบจับเรื่อยมา
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปอศ. ได้สืบสวนติดตามจับกุมตัวนายราชิตฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับข้างต้น ทราบข้อมูลว่า หลังจากก่อเหตุนายราชิตได้นำโทรศัพท์มือถือของลูกค้าไปตระเวนขายตามร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือต่างๆ ในจังหวัดขอนแก่น และย้ายที่อยู่เรื่อยมาอย่างไม่เป็นหลักแหล่ง ซ้ำยังไปก่อเหตุฉ้อโกงในคดีอื่นอีกซึ่งพนักงานสอบสวนก็ได้มีการออกหมายจับไว้เช่นกัน
โดยจากการสืบสวนทราบว่า นายราชิตฯ ได้หลบหนีไปกบดานอยู่ในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
ต่อมาวันที่ 28 สิงหาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปอศ. สืบทราบว่าผู้ต้องหาจะเดินทางมารับจ้างขนผักในพื้นที่อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี จึงได้วางกำลังเฝ้าสังเกตการณ์จนพบนายราชิตฯ ปรากฎตัวอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟราชบุรี จึงได้นำหมายจับเข้าจับกุมนายราชิตฯ พร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนผู้ร่วมก่อเหตุจะได้ทำการสืบสวนติดตามตัวต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าเหตุที่เกิดขึ้นมาจากความเข้าใจผิดระหว่างตนเองกับนายจ้างเท่านั้น
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอเตือนภัยถึงพี่น้องประชาชน ปัจจุบันมีมิจฉาชีพที่อาศัยช่องว่างและสร้างความไว้วางใจในการทำงานเพื่อก่อเหตุลักทรัพย์นายจ้าง รวมถึงบุคคลที่ทำงานร่วมกัน โดยใช้วิธีการที่แนบเนียนและเป็นระบบ ข้อแนะนำสำหรับนายจ้างและประชาชนทั่วไป
• ตรวจสอบประวัติให้ละเอียด: ก่อนรับใครเข้าทำงาน ควรมีการตรวจสอบประวัติส่วนตัวและประวัติอาชญากรรมอย่างถี่ถ้วน
• สังเกตพฤติกรรม: หากพบพฤติกรรมน่าสงสัย เช่น พยายามเข้าถึงพื้นที่ต้องห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือพยายามเบี่ยงเบนกล้องวงจรปิด ควรเพิ่มความระมัดระวัง
การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชน
ให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้าง
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด











