“บิ๊กเต่า” บุกสภา ร้อง “กมธ.ตำรวจ” ขอความเป็นธรรม โผโยกย้าย“นายพลตำรวจ” ย้ำ ให้ยึดพ.ร.บ.ตำรวจ ปี 65 นึกหลักอาวุโส-ความรู้-ความสามารถ-ผลงาน ไม่ใช่ย้อนยุค ใช้ดุลยพินิจ ตั้งคนใกล้ชิด พวกพ้องเพื่อนร่วมรุ่น ลั่น ใครขาว-ใครดำ -ใครเทา ในวงการรู้หมด
จี้ ก.ตร.ทบทวน หวั่น บั่นทอนดาวรุ่ง ตำรวจระดับปฏิบัติงาน ขอพลีชีพเป็นหนังหน้าไฟตัวเองไม่ได้ ไม่เป็นไร ขอพี่น้องตำรวจทั่วประเทศได้ตามสิทธิ์ ขู่ รอดูถ้าออกตามโผ จ่อยื่นฟ้องฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ซ้ำ ด้าน ปธ.กมธ.ตำรวจ สภาฯ เด้งรับลูก สั่งชงเข้าพิจารณานัดหน้า 4ก.ย. เรียก ผบ.ตร.พร้อมทุกฝ่ายเกี่ยวข้องแจงด้วยตัวเอง
เมื่อเวลา 13.15 น. วันที่ 28 ส.ค. ที่รัฐสภา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รองผบช.ก.) ยื่นหนังสือต่อน.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ สส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร และน.ส.จิตภัสร์ กฤษดากร ที่ปรึกษากมธ.ตำรวจ พร้อมคณะกมธ. ตำรวจ เรื่องขอความเป็นธรรม ในการพิจารณาแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งและการโยกย้ายเปลี่ยนตำแหน่ง
@โดยพล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตนได้ยื่นร้องเรียนไปยังนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ก่อนหน้านี้แล้ว วันนี้มายื่นกมธ.ตำรวจ เพราะถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่จะขับเคลื่อนกระบวนการตำรวจด้วยความถูกต้องชอบธรรม ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาสร้างความแตกแยกในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
แต่มองว่าน่าจะเป็นตัวแทนของผู้ที่ได้รับสิทธิ์แต่ถูกลิดรอนสิทธิ์อีกหลายคน ที่ไม่ได้มาร้องด้วยตนเอง อาทิ อาทิ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น
เพื่อให้คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) กลับไปทบทวน เรายอมรับว่าช่วงการปฏิวัติไม่มีพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจ พ.ศ. 2565 ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการพิจารณา การทำอะไรในขณะนั้นทำได้ด้วยดุลยพินิจและใช้ระบบอุปถัมภ์ แต่เมื่อมีพ.ร.บ.ตำรวจแล้ว ก็ต้องกลับมาดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อความเป็นธรรมกับคนที่ทำงานโดยตรง
ซึ่งพ.ร.บ.ตำรวจมีจุดมุ่งหมายในการแบ่งส่วนของผู้ที่มีคุณสมบัติอาวุโส 50 เปอร์เซ็น อีก 50 เปอร์เซ็น ให้คิดอาวุโสประกอบความรู้ความสามารถ เจตนารมณ์ต้องการให้คนทำงานได้รับขวัญกำลังใจ ในการที่ได้พิจารณาความรู้ความสามารถ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่การที่มีกฎเกณฑ์กติกาแล้วไม่ปฏิบัติหรือเลือกปฏิบัติ เมื่อผลสัมฤทธิ์ออกมาบ่งบอกถึงการใช้ดุลยพินิจ ซึ่งอาจเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย
“ผมมองว่า การกระทำที่เกิดขึ้นหมิ่นเหม่ต่อข้อกฎหมาย เรารู้แล้วว่าผลลัพธ์ที่ออกมาใกล้ตัวกับผู้มีอำนาจ และไม่มีผลการปฏิบัติอย่างแท้จริง เรารู้ เราเห็น เพราะทำงานด้วยกันมา ใครขาว ใครเทา ใครดำ เพราะฉะนั้น สิ่งที่กมธ.ตำรวจ ทำได้คือการให้ความเป็นธรรมกับทุกคนด้วยความเสมอภาค เจตนารมณ์ของกฎหมายคือต้องการเห็นตำรวจตั้งใจทำงานให้กับพี่น้องประชาชนให้ได้รับความยุติธรรม แข่งการทำความดีให้พี่น้องประชาชน ใครที่เทาๆ ดำๆ ก็ต้องมีการพิจารณาว่าไม่ควรหรือไม่ อย่างไร ขอให้ก.ตร.พิจารณาเรื่องนี้ด้วย
สิ่งที่ผู้บังคับบัญชาได้มอบให้กับตำรวจแล้วมอบให้ประชาชน ถ้ายังเป็นระบบอุปถัมภ์จะนำมาซึ่งความเสื่อม เพราะทุกคนมองแล้วว่า พ.ร.บ.ตำรวจ ต้องมีการบังคับใช้และเดินไปในทางที่ถูกต้อง แต่การที่มีการชะลอคำสั่งพ.ร.บ.ฉบับนี้ และไม่นำผลการปฏิบัติมาใช้ จะทำให้ตำรวจเสียขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ก็จะอยู่กันแบบเช้าชาม เย็นชาม มีเพื่อนพี่น้องหลายคนที่มีฝีไม้ลายมือยังไม่ได้รับการแต่งตั้ง
มีน้องๆหลายคนเป็นดาวรุ่งที่กำลังจะโต จะทำไปทำไมในเมื่อเขาไม่พิจารณาเรื่องความรู้ ความสามารถ มันส่งผลถึงการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ถ้าเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม ประชาชนก็จะไม่ได้ ดังนั้น หลักการความเป็นธรรมต้องมาจากข้างบนแล้วลงมาสู่ข้างล่าง
ผมมาวันนี้อยากจะมาแก้ไของค์กรตัวเอง ยืนยันว่าตัวผมไม่ได้ ไม่เป็นไร แต่ผมมาเป็นตัวแทนของพี่ๆน้องๆหลายคน เพื่อสะท้อนไปถึง ก.ตร. ให้พิจารณาเป็นไปตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 ซึ่งมีน.ส.จิตภัสร์ร่วมยกร่างกฎหมายนี้ด้วย เมื่อปี2565 ผมไม่ได้หวังมาป่วน ไม่ได้หวังมาสร้างความเสียหาย“ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว











