ตำรวจภาค1 รวบโจรชิงทองในห้างดัง 89 บาท…ยอมรับวางแผนลงมือใช้รถใช้เรือหนี…แต่ไม่รอดมือตำรวจ
วันที่20 สิงหาคม 2568 เวลา 15.00 น. ที่ สภ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1 พร้อมด้วยพล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จ.สมุทรปราการ,พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมผู้ต้องหาเหตุชิงทรัพย์ร้านทองในห้างดังย่านบางบ่อ เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2568
โดยสามารถจับกุมนายวีรวัฒน์ หรือ อาร์ม (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี และ 2.นายอิทธิพงษ์ หรือ มด (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี ในความผิดฐาน “ร่วมกันชิงทรัพย์โดยมีอาวุธ โดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย และใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือเพื่อให้พ้นการจับกุมหรือร่วมกันลักของโจร, มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร”
พร้อมด้วยของกลาง เป็นสร้อยข้อมือทองคำจำนวน 36 เส้น น้ำหนัก 89 บาท อาวุธปืนแบงกันดัดแปลง,เสื้อผ้าที่ใส่ในวันก่อเหตุ,รถจักรยานยนต์และ เรือหางยาว ที่ใช้ในการก่อเหตุ
ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 ส.ค. ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางบ่อ ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายใส่ชุดไรเดอร์ชิงทองในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ได้ทองคำรูปพรรณ สร้อยข้อมือ จำนวน 36 เส้น น้ำหนักรวม 89 บาท คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3.5 ล้านบาท ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนภูธรภาค 1,ฝ่ายสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ และฝ่ายสืบสวน สภ.บางบ่อ ร่วมกันแกะรอยจากภาพกล้องวงจรปิดและความร่วมมือของประชาชนที่ส่งคลิปจากกล้องหน้ารถกว่า 100 คัน จนเจอจุดที่คนร้ายนำรถจักรยานยนต์ไปทิ้งและสามารถจับกุมตัวคนร้ายทั้งหมดได้
โดยนาย วีรวัฒน์ หรือ อาร์ม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุจริง สาเหตุที่ตนเองทำลงไปนั้น เพรามีความจำเป็นต้องใช้เงิน เนื่องจากตนเองติดหนี้นอกระบบจำนวนหลายแสนบาท ซึ่งเป็นหนี้นอกระบบที่ยืมมาลงทุนเปิดอู่ซ่อมรถ และต้องเสียดอกเบี้ยเดือนละไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นบาท จึงคิดวางแผนในการก่อเหตุ โดยใช้เวลากว่าสัปดาห์ในการวางแผน ตั้งแต่การจัดการเสื่อผ้าหมวกกันน็อก การนำรถจักรยานยนต์มาพ่นสีใหม่ การปลอมตัวต่างๆ รวมถึง การวางแผนในการหลบหนี มีการสำรวจ เส้นทางและจุดที่ต้องนำเอารถจักรยานยนต์ไปทิ้งน้ำ โดยมีการชักชวนรุ่นน้องที่เป็นญาติการใช้เรือร่องสำรวจเส้นทางและมาร์คตำแหน่งจุดนัดพบทางเรือ เลือกจุดและเส้นทางทางเรือที่ไม่มีกล้องวงจรปิดและบ้านคนเพื่อยากต่อการติดตามของตำรวจ และให้รุ่นน้อง คือนายมด ขับเรือมาจอดรถรับยังใต้สะพานข้ามคลอง เพื่อหลบหนี กลับบ้านพัก ซึ่งบ้านพักอยู่ห่างจากคลองเพียงร้อยกว่าเมตร หลังจากที่ได้ทองกลับมาถึงบ้าน จึงแบ่งทองซุกซ่อนสองจุด คือในตู้ลำโพง และข้างต้นไม้หลังบ้าน ส่วนที่เลือกร้านทองแห่งนี้ เพราะตนเองเคยเข้ามาซื้อสินค้าภายในห้างและมองว่าร้านทองไม่มีลูกกรงในการป้องกันและง่ายต่อการก่อเหตุ จึงเลือกร้านทองแห่งนี้ ส่วนทองที่หายไป คาดว่าหายในช่วงที่ตนเองขับรถพุ่งลงคลอง และลากรถจากกลางคลองมาซ่อนใกล้ตอมอสะพาน ซึ่งช่วงนั้นทองทั้งหมดใส่ไว้ในกระเป๋าสะพายและไม่ทันได้รูปซิปปิดปากกระเป๋า คาดว่าจะหล่นในช่วงที่ตนเองนำทองและเสื้อผ้ารวมถึงหมวกกันน็อกยัดใส่กระสอบที่เตรียมมา ซึ่งในระหว่างเส้นทางในคลองที่หลบหนี จะมีช่วงหนึ่งที่ห่างจากจุดทิ้งรถ ตนเองได้ดึงเอาปืนและเสื้อผ้าออกจากกระสอบเพื่อโยนทิ้งน้ำ ซึ่งตอนนั้นสังเกตว่ามีทองเกี่ยวตัวปืนตกออกไปด้วย
หลังจากนั้นจึงนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพและนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป











