ยะลา – กำนันปุโรงผนึกกำลังทุกภาคส่วน นำอดีตผู้เสพโค่นต้นกระท่อม 3 ต้น ปลูกจิตสำนึกต้านยาเสพติด สร้างชุมชนปลอดภัย
วันนี้ 14 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานจากบ้านเลขที่ 112 หมู่ที่ 1 บ้านบือยา ตำบลปุโรง อำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา นายอาหามะ สะแต กำนันตำบลปุโรง ได้นำคณะของ นายอภิชาต ศรีสุวรรณ์ นายอำเภอกรงปินัง พร้อมด้วย ปลัดอำเภอ เจ้าหน้าที่ปกครอง ผู้อำนวยการ สอน. ฝ่ายปกครอง และ บัณฑิตอาสาฯ ลงพื้นที่มอบสิ่งของและวัสดุอุปกรณ์ตามโครงการสนับสนุนการบูรณาการขับเคลื่อนนโยบายระดับอำเภอ พร้อมจัดกิจกรรมรณรงค์ต้านการปลูกพืชกระท่อม
กิจกรรมสำคัญในครั้งนี้ คือ การร่วมกันตัดโค่นต้นกระท่อมจำนวน 3 ต้น ที่ปลูกอยู่บริเวณหน้าบ้านของนายมาโซร์ มูซอ อดีตผู้เสพพืชกระท่อม ซึ่งปัจจุบันได้เลิกเสพแล้ว การดำเนินการครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อป้องกันการนำพืชกระท่อมไปใช้ในทางที่ผิด และสร้างชุมชนปลอดสารเสพติดอย่างยั่งยืน
นายอาหามะ สะแต กำนันตำบลปุโรง กล่าวว่า การรณรงค์ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐบาล “No Tusk No Dealer” ที่ขับเคลื่อนโดยทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน และกองทุนแม่ของแผ่นดิน เพื่อให้ครัวเรือนเข้าใจถึงโทษของพืชกระท่อม ซึ่งนอกจากจะขัดต่อหลักศาสนาแล้ว ยังเป็นประตูสู่การใช้ยาเสพติดชนิดอื่นๆ
ทางด้านนายมาโซร์ มูซอ เล่าถึงอดีตว่า ต้นกระท่อมทั้ง 3 ต้นปลูกมานานกว่า 3 ปี ในช่วงแรกเพื่อนำมาต้มเป็นยา แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับเกิดการเสพติด จนต้องผสมกับวัตถุดิบอื่นเพื่อให้เกิดอาการมึนเมา ส่งผลต่อสุขภาพอย่างรุนแรง เมื่อตระหนักถึงพิษภัย จึงประสานกำนันและนายอำเภอให้ช่วยตัดโค่นต้นกระท่อม เพื่อเป็นตัวอย่างและเตือนสติคนในชุมชน-หมู่บ้าน
นอกจากการโค่นต้นกระท่อมแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังได้ให้กำลังใจครอบครัวของนายมาโซร์ พร้อมสนับสนุนการสร้างห้องน้ำ 1 ห้อง และส่งเสริมอาชีพเสริม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้มั่นคงยั่งยืน
นายอภิชาต ศรีสุวรรณ์ นายอำเภอกรงปินัง กล่าวทิ้งท้ายว่า ความสำเร็จในครั้งนี้ เกิดจากความร่วมมือของทุกฝ่าย ไม่จะเป็นปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานความมั่นคง, ปลัดอำเภอ, กำนันตำบลปุโรง, ผู้นำท้องถิ่น, ผู้นำศาสนา , ข้าราชการ, เจ้าหน้าที่ปกครอง, บัณฑิตอาสา, สมาชิก อส. และ สมาชิกกองทุนแม่ของแผ่นดิน ได้ช่วยกันสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับพิษภัยของพืชกระท่อม – ขัดศาสนาอิสลาม และสร้างเกราะป้องกันไม่ให้เยาวชนในพื้นที่ตกเป็นเหยื่อของยาเสพติดในอนาคต