รวบหนุ่มหัวร้อน ยิงเจ้าของร้านหม่าล่าเจ็บสาหัส
ขณะร่วมงานเทศกาลบุญบั้งไฟประจำปี
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ทรงกลด เกริกกฤตยา ผบก.ปคม., , พ.ต.อ.ศราวุธ จันต๊ะวงค์ ผกก.3 บก.ปคม.,พ.ต.ท.พลวุฒิ ผาตินุวัติ, พ.ต.ท.ทรงวุฒิ ใจดีจริง รอง ผกก.3บก.ปคม
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ธีรโชติ นุ่นสพ สว.กก.3 บก.ปคม., ร.ต.อ.นนทพัทธ์ กาวชู รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปคม., พร้อมพวกเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปคม.
ร่วมกันจับกุม นายพิชญ์ชัยหรือนายพชรฯ อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดหนองคาย
ที่ จ.416/2567 ลง 13 ธ.ค.67 ซึ่งต้องหากระทำความผิดฐาน “พยายามฆ่าผู้อื่น, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต
และไม่มีเหตุอันควร, ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมชน”
สถานที่จับกุม บริเวณริมถนนลานทอง ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
โดยเมื่อวันที่ 9 ต.ค.65 ผู้ต้องหาและกลุ่มเพื่อนได้นั่งดื่มกินบริเวณถนนริมโขง ซึ่งมีการจัดที่นั่งสำหรับชมงานเทศกาลบุญบั้งไฟประจำปีของ จ.หนองคาย ต่อมาผู้ต้องหาและกลุ่มเพื่อนได้มีอาการมึนเมาสุรา และเดินผ่านโต๊ะของผู้เสียหาย ซึ่งทราบต่อมาว่าเป็นเจ้าของร้านหม่าล่าแห่งหนึ่ง ได้มีการโต้เถียงกัน
เนื่องจากต่างฝ่ายคิดว่ามองหน้าหาเรื่องกัน จากนั้นผู้ต้องหาได้ชักอาวุธปืนสั้นไทยประดิษฐ์ ออกมาจากเอว และจ่อยิงใส่ผู้เสียหายเข้าที่บริเวณร่างกายจำนวน 4 นัด เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ส่วนผู้ต้องหาก็พยายามหลบหนี และมีประชาชนในบริเวณดังกล่าวช่วยกันจับกุมตัวไว้ โดยผู้ต้องหาขัดขืนและพยายามทำร้าย เป็นเหตุให้เกิดการรุมประชาทัณฑ์ ก่อนจะช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาล ขณะที่พนักงานสอบสวน สภ.เมืองหนองคาย ได้ดำเนินการแจ้ง ข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาในความผิดฐาน “พยายามฆ่าฯ”
ต่อมาเมื่อพนักงานอัยการได้นัดวันส่งฟ้องคดีต่อศาล ปรากฏว่าผู้ก่อเหตุไม่มาตามนัดและหลบหนีเรื่อยมา
จนกระทั่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สืบสวนจนทราบว่า ผู้ก่อเหตุได้มาพักอาศัยอยู่ที่บ้านเช่าใน
ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมไปถึงสถานที่จับกุมพบผู้ก่อเหตุยืนอยู่บริเวณดังกล่าว จึงได้ร่วมกันแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่และแสดงหมายจับ ผู้ก่อเหตุยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับดังกล่าวจริง และไม่เคยถูกจับตามหมายจับนี้มาก่อน จึงได้นำตัวผู้ก่อเหตุ ส่งพนักงานสอบสวน
สภ.เมืองหนองคาย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมพบว่ามีประวัติเคยถูกดำเนินคดีฐานความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนและรับของโจรมาก่อนหน้านี้
เตือนภัย การพกพาอาวุธ มีโทษร้ายแรงตามกฎหมาย ทั้งจำคุกและปรับ หากนำอาวุธปืนไปใช้ก่อเหตุอาชญากรรม เช่น การทำร้ายร่างกาย พยายามฆ่า หรือฆ่าผู้อื่น ผู้กระทำผิดจะต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งมีบทลงโทษที่หนักยิ่งขึ้น
การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชน
ให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้าง
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด