“ทวี สอดส่อง” เปิดงานเกษตรแฟร์ แม่ลาน ปัตตานี หนุนจัดประกวดนกเขาชวาโลกในไทย
รมว.ยุติธรรม เปิดงานเกษตรแฟร์ แม่ลาน จังหวัดปัตตานี สนับสนุนเกษตรก้าวหน้า พัฒนานวัตกรรม สู่เศรษฐกิจสีเขียวอย่างยั่งยืน เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร พร้อมดันไทยจัดประกวดนกเขาชวาโลก
(วันที่ 6 กรกฎาคม 2568) ผู้สื่อข่าวรายงานจากอำเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี ว่า เมื่อ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และคณะ ประกอบด้วย พล.อ.วิชาญ สุขสง ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม, นายยู่สิน จินตภากร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม, นายพลรักษ์ รักษาพล คณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดงานเกษตรแฟร์ ครั้งที่ 2 ภายใต้แนวคิดเกษตรก้าวหน้า พัฒนานวัตกรรม สู่เศรษฐกิจสีเขียวอย่างยั่งยืน ณ ศูนย์การเรียนรู้แม่ลาน มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ตำบลแม่ลาน อำเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี โดยภายในงานมีการประกวดแข่งขันนกเขาชวาเสียงกว่า 1,000 ตัว, การประกวดไก่พื้นเมืองสวยงาม, นิทรรศการความรู้ด้านการเกษตร, การออกร้านจำหน่ายสินค้าชุมชนท้องถิ่น และการจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ราชทัณฑ์ จากผู้ต้อง
ราชทัณฑ์ โดย กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ฯลฯ เป็นต้น โดยมี นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี, นายวิชัย เรืองเริงกุลฤทธิ์ นายกสมาคมนกเขาชวาเสียงแห่งภาคใต้, ผศ.ดร.วรวิทย์ บารู สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดปัตตานี พรรคประชาชาติ, นายสมมุติ เบ็ญจลักษณ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาชาติ จังหวัดปัตตานี, นายรัฐฏา เนตรสว่าง นายอำเภอแม่ลาน, นายสายนูดิน มามุ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ กลุ่มงานบริหารงานยุติธรรมและอำนวยความเป็นธรรม ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.), ผศ.ดร.สมบัติ โยธาทิพย์ ที่ปรึกษาอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นิรันดิ์เกียรติ ลิ่วคุณูปการ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนาชุมชนและท้องถิ่น, อาจารย์สุวรรณา ทองดอนคำ ผู้รับผิดชอบอำนวยการบริการหารงานศูนย์การเรียนรู้แม่ลาน ร่วมให้การต้อนรับ และมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศิริชัย นามบุรี อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา เป็นผู้กล่าวรายงาน
พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า การจัดงานเกษตรแฟร์ ครั้งที่ 2 นี้ ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า ความมั่นคงทางอาหารและอาชีพเกษตรมีความสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งประชากรกว่า 50% มีอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก การจัดงานครั้งนี้จึงเป็นเครื่องยืนยันว่า อาชีพเกษตรของไทยไม่ได้ดำเนินไปตามยถากรรม แต่เป็นการประกาศถึงนวัตกรรม การพัฒนา และการยกระดับภาคการเกษตรอย่างแท้จริง ผมขอชื่นชมการจัดงานในวันนี้ เพราะแสดงให้เห็นว่า อาชีพเกษตรกรรมไม่เพียงสำคัญสำหรับประเทศไทยหรือภาคใต้เท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญระดับโลก ในสภาวะที่โลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง อาหารคือปัจจัยสำคัญที่สุด และ ความมั่นคงทางอาหารจึงเป็นสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญสูงสุด
”วันนี้เราได้เห็นการประกวดนกเขาชวา ซึ่งนกเขาชวา เป็นส่วนหนึ่งของวิถีเกษตรกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ และยังผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมและความสัมพันธ์ของผู้คนในพื้นที่อย่างลงตัว จะเห็นได้ว่าการแข่งขันนกเขาชวาทั่วโลกยังคงต้องมาที่นี่ ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดฯ และท่านนายกสมาคมฯ เองก็ยังอยากให้มีสนามนกเขาชวาโลกที่นี่ เพราะเห็นว่ามีผู้เข้าร่วมจากหลายประเทศ“ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา จัดงานเกษตรแฟร์ ครั้งที่ 2 ภายใต้แนวคิดเกษตรก้าวหน้า พัฒนานวัตกรรม สู่เศรษฐกิจสีเขียวอย่างยั่งยืน มีการนำองค์ความรู้ต่าง ๆ มากมายที่เกี่ยวข้องกับศาสตร์หรือความรู้ทางด้านการเกษตร ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยีนวัตกรรมการเกษตร การพัฒนาการเกษตรให้เกิดความยั่งยืน รวมถึงปีนี้ มีความร่วมมือ ระหว่าง มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา กับ สมาคมนกเขาชวาภาคใต้ จัดกิจกรรมการแข่งขันนกเขาชวาการกุศล เพื่อนำรายได้ช่วยเหลือเด็ก และเยาวชนผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษา ในจังหวัดยะลาปัตตานี นราธิวาส และสงขลา และกลุ่มอนุรักษ์ไก่สวยงามชายแดนใต้ และองค์กรปกครองท้องถิ่น ที่ร่วมมือกันขับเคลื่อนความมั่นคงทางอาชีพแก่เกษตรกร
มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา มีความตั้งใจที่จะให้ศูนย์การเรียนรู้แม่ลาน เป็นแหล่งฝึกประสบการณ์ให้กับนักศึกษา เป็นพื้นที่ให้แก่คณาจารย์พัฒนาผลงานวิจัย และการบริการวิชาการ เพื่อพัฒนาชุมชนและท้องถิ่นสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ เป็นที่พึ่งให้กับชุมชน และเกษตรกรสามารถนำองค์ความรู้ เทคโนโลยีนวัตกรรมต่าง ๆ ไปต่อยอดให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองอย่างยั่งยืน และสามารถกระจายรายได้สู่สังคมด้วย
โดยเฉพาะปีนี้ มีการนำร่องที่ ตำบลม่วงเตี้ย อำเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี ตำบลช้างให้ตก อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี และตำบลบุดี อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา ด้วยการให้องค์ความรู้ในการยกระดับความปลอดภัย การผลิตผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ และเพิ่มศักยภาพการผลิต ตลอดจนการตลาดทั้งรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อสืบสานต่อยอดพัฒนาองค์ความรู้ เกิดการเชื่อมโยงระหว่างภาครัฐ กับภาคการศึกษา ภาคเอกชน ภาคประชาชน และเกษตรกร นำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน
