รวบ 2 ทหารเกณฑ์หนีค่าย ล่อลวงเด็กหญิงไปรุมโทรม
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์รอง ผบช.ก.,
พล.ต.ต.ทรงกลด เกริกกฤตยา ผบก.ปคม., พ.ต.อ.กรีธา ตันคณารัตน์, พ.ต.อ.จตุรภัทร์ ภิรมย์แก้ว,
พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์, พ.ต.อ.มารุต กาญจนขันธกุล, พ.ต.อ.เศรษฐณัณข์ ปิยะสมบูรณ์,
พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส รอง ผบก.ปคม., พ.ต.อ พงศกร โนรี ประจำ(สบ5) บก.ปคม.,
พ.ต.อ.รัชภูมิ กุสุมาลย์ รอง ผบก.ปคม., พ.ต.อ.อลงกต คชแก้ว ผกก.5 บก.ปคม., พ.ต.ท.อาทิตย์ พุ่มทอง, พ.ต.ท.เกริก เสนาะสำเนียง รอง ผกก.5 บก.ปคม.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.นัฐพล ดาวเวียง สว.กก.5 บก.ปคม., ร.ต.อ.เศรษฐบดินทร์ ลือชา
รอง สว.กก.5 บก.ปคม. ร.ต.ต.สมบูรณ์ กูลระวัง รอง สว.(ป) กก.5 บก.ปคม. และ ด.ต.วีระนันท์ พัดคง
ผบ.หมู่ กก.5 บก.ปคม.
ร่วมกันจับกุม
1. นายนพดลฯ อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ 267/2568
ลงวันที่ 19 พฤษภาคม 2568
2. นายเกียรติศักดิ์ฯ อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ 266/2568
ลงวันที่ 19 พฤษภาคม 2568
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร, ร่วมกันพาเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม และร่วมกันกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม หรือร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันอันมีลักษณะเป็นการโทรมเด็กหญิง”
สถานที่จับกุม จับกุมผู้ต้องหาที่ 1 ได้ที่ หลังบ้านในพื้นที่ ม.4 ต.โพธิ์ทอง อ.ท่าศาลา
จ.นครศรีธรรมราช และจับกุมผู้ต้องหาที่ 2 ได้ที่ ร้านน้ำชาไม่มีเลขที่ ม.3 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา
จ.นครศรีธรรมราช
สืบเนื่องจากช่วงประมาณปลายเดือนตุลาคม 2566 เวลาประมาณ 08.00 น. น.ส.เอ
(นามสมมติ) ได้นัดหมายกับ น.ส.ชนันธิดาหรือฟ้าฯ หนึ่งในผู้ต้องหาซึ่งเป็นเพื่อนกับ น.ส.เอฯ ได้ชักชวน
น.ส.เอ ว่าจะโดดเรียนกัน และไปนั่งเล่นที่บ้านของเพื่อนแฟนเก่าของตน จึงตกลงไป เมื่อไปถึงได้เข้าไปนั่งอยู่ภายในห้องที่เกิดเหตุ มีนายนพดลฯ, นายเกียรติศักดิ์ฯ และเพื่อนผู้ชาย อีกจำนวน 3 คน อยู่ในห้องด้วย จากนั้นน.ส.ชนันธิดาหรือฟ้าฯ ได้ออกจากห้องไป ทิ้งน.ส.เอไว้ในห้อง จากนั้นชายดังกล่าวได้ช่วยกันถอดเสื้อผ้า ปิดตาและมัด น.ส.เอไว้บนเตียง จากนั้นได้ผลัดกันข่มขืนน.ส.เอ จำนวนหลายครั้ง ก่อนจะแยกย้ายกันไป จากนั้นได้กลับมาที่โรงเรียนและไม่ได้บอกใคร เพราะทั้งอับอาย และกลัวถูกทำร้ายด้วย
หลังจากนั้นประมาณกลางเดือนพฤศจิกายน 2567 น.ส.ชนันธิดาหรือฟ้าฯ ได้ชักชวน น.ส.เอ อีกครั้ง ว่าจะไปหาแฟนให้ไปเป็นเพื่อน น.ส.เอจึงตกลงไปด้วย จากนั้นจึงได้ขับขี่จักรยานยนต์กันไปที่ขนำ
ลักษณะ 2 ชั้น เมื่อไปถึงได้ขึ้นไปชั้นสอง พบนายนพดลฯ, นายเกียรติศักดิ์ฯ และเพื่อนผู้ชาย อีกจำนวน 3 คน นั่งล้อมวงดูดกัญชากันอยู่ จากนั้นทุกคนได้ออกจากขนำ และขังไว้น.ส.เอ ในขนำดังกล่าว จากนั้นได้ผลัดกันขึ้นไปข่มขืนน.ส.เอที่ละคน จนครบทุกคน และทิ้ง น.ส.เอ ไว้เพียงลำพัง น.ส.เอได้เดินตามทางกลับบ้าน
พบเพื่อนข้างบ้านจึงบอกให้ไปส่งที่บ้าน และก็ไม่ได้เล่าเรื่องดังกล่าวให้ใครฟัง และก็ไม่ได้ติดต่อกับ
น.ส.ชนันธิตาหรือฟ้าฯ อีก
ต่อมา มารดาของน.ส.เอ ได้ทราบว่า น.ส.เอ ถูกกลุ่มผู้ต้องหาร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราจริง
จึงได้พาน.ส.เอ มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามผู้กระทำผิดมาลงโทษ
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายเรียกให้เข้ามาพบแต่ผู้ต้องหาทั้งหมดไม่ยอมมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกพนักงานสอบสวน สภ.ท่าศาลา จึงขออนุมัติศาลออกหมายจับนายนพดลฯ และนายเกียรติศักดิ์ฯ ร่วมกับพวกอีก 6 คน เพื่อจับกุมตัวมาดำเนินคดี
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปคม. ได้สืบทราบมาว่านายนพดลฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับ
เป็นทหารเกณฑ์หนีค่ายทหาร แล้วหลบหนีมาพักอยู่ที่บ้านใน ม.4 ต.โพธิ์ทอง อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช และได้สืบทราบว่า นายเกียรติศักดิ์ฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับ เป็นทหารเกณฑ์หนีค่ายทหารด้วยเช่นกัน
โดยพบเห็นตัวอยู่ที่ ร้านน้ำชาไม่มีเลขที่ ม.3 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้วางแผน และเดินทางไปตรวจสอบ ปรากฏว่าพบตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 จริง
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวและตรวจสอบ ชื่อ-สกุล ทราบชื่อ นายนพดลฯ และนายเกียรติศักดิ์ฯซึ่งตรงกับบุคคลตามหมายจับจริง จึงได้แสดงหมายจับดังกล่าว ให้นายนพดลฯ และนายเกียรติศักดิ์ฯ รับว่าตนเป็นบุคคลตามหมายจับดังกล่าวนี้จริง และยังไม่เคยถูกจับกุมตัวในคดีนี้มาก่อน ในส่วนผู้ต้องหารายอื่นๆ
ที่ยังคงหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนติดตามจับกุมต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา