รวบม้าแก็งคอลเซ็นเตอร์วันเดียว 3 รายรวด พบสร้างความเสียหายรวมกว่า 2 ล้าน ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรม ทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย, พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์, พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร, พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล รอง ผบก.ปอศ. , พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3 บก.ปอศ., พ.ต.ท.นนทพัทธ์ ยอดแก้ว, พ.ต.ท.ณธัชพงศ์ สินสิริยานนท์ และพ.ต.ท.ชวลิต น้ำใจสัตย์ รอง ผกก.3 บก.ปอศ. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.วรพจน์ ลลิตจิรกุล สว. กก.3 บก.ปอศ. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดปฏิบัติการที่ 4 กก.3 บก.ปอศ. ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหา 3 ราย ดังนี้ 1. นายภูดิทฯ อายุ 52 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ จ 757/2566 ลงวันที่ 9 ส.ค.2566 ในฐานความผิด “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเสียหายแก่ประชาชน” สถานที่จับกุม บริเวณหน้าห้องพัก ย่านแขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร 2. นายวัชรินทร์ฯ อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ จ 627/2567 ลงวันที่ 26 เม.ย.2567 ในฐานความผิด “ฉ้อโกงประชาชนและโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่างทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” สถานที่จับกุม บริเวณหน้าบ้าน บริเวณ ม.14 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 3. น.ส.ศรัณยธรฯ อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 1204/2567 ลง 12 ก.ค.2567 ในฐานความผิด “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” สถานที่จับกุม บริเวณหน้าบ้าน ในซอยอารี พหลโยธินซอย7 กรมประชาสัมพันธ์ แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ในรูปแบบต่างๆ ความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทั่วไป และบุคคลตามหมายจับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอศ. ได้จึงได้กวาดล้างจับกุมผู้ต้องหาทีมีพฤติการณ์เกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และบัญชีม้า จำนวน 3 ราย ดังนี้ รายที่ 1 นายภูดิทฯ อายุ 52 ปี จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่านายภูดิทฯ มีพฤติกรรมเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่พัสดุบริษัทขนส่ง แจ้งว่า มีพัสดุที่ผู้เสียหายเป็นผู้ส่งไม่สามารถส่งได้ เนื่องจากเป็นพัสดุที่ผิดกฎหมาย จากนั้นได้ต่อสายไปให้พูดคุยกับคนร้ายอีกคนซึ่งอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และมีการส่งข้อความไลน์และโทรไลน์เข้ามา แจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาได้ และผู้เสียหายมีส่วน เกี่ยวข้องกับบุคคลดังกล่าว ซึ่งมีความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน จากนั้นไลน์ดังกล่าวได้ส่งลิงก์ให้โหลดแอปพลิเคชัน ชื่อ “TeamViewer QuickSupport” เมื่อผู้เสียหายดาวน์โหลดแล้ว ได้ให้ผู้เสียหายกดตามขั้นตอนที่กลุ่มคนร้าย ดังกล่าวแจ้ง และให้ผู้เสียหายคว่ำโทรศัพท์ไว้ 10 นาที ต่อมาประมาณ 7-8 นาที คนร้ายที่อยู่ปลายสายได้ตะโกน เรียกชื่อ ผู้เสียหายจึงเปิดโทรศัพท์ดู พบว่าเป็นหน้าอินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้งของผู้เสียหาย ต่อมาผู้เสียหายพบว่า เงินในบัญชีของผู้เสียหายได้ถูกกดโอนไป รวมเป็นเงินกว่า 500,000 บาท ผู้เสียจึงได้มาร้องทุกข์ดำเนินคดี จากการตรวจสอบพบผู้ต้องหามีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และเคยถูกดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง มาก่อนจะถูกจับกุมในคดีนี้ สอบถามคำให้การเบื้องต้น ผู้ต้องหาได้ให้การว่าได้รับจ้างเปิดบัญชีธนาคารให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์จริง โดยได้รับค่าจ้าง 400 บาท รายที่ 2 นายวัชรินทร์ฯ อายุ 22 ปี จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่านายวัชรินทร์ฯ มีพฤติกรรมเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยกลุ่มคนร้ายจะโฆษณาเกี่ยวกับการหารายได้เสริมผ่านทางสื่อออนไลน์ต่างๆ เมื่อผู้เสียหายสนใจติดต่อไป ตามลิงก์ที่คนร้ายได้แจ้งไว้ ปรากฏพบคนร้ายแจ้งว่าเป็นแอดมินเกี่ยวกับการหารายได้เสริมออนไลน์ ขอไอดีไลน์ผู้เสียหายและเพิ่มเพื่อนเข้ามาเป็นบัญชีผู้ใช้ไลน์ โดยอ้างตัวว่าเป็นแอดมินของบริษัทหารายได้เสริม ออนไลน์ และเสนอขั้นตอนการทำงานคือ ให้กดไลค์ (กดถูกใจ) ให้กับสินค้าตามเพจที่ไลน์ดังกล่าวส่งมา เมื่อกดครบตามภารกิจก็ได้รับเงินค่าตอบแทน โดยมีเงื่อนไขว่า ต้องทำให้ครบเงื่อนไขคือ ให้ทำงานจนครบจำนวน 3 ภารกิจ จากนั้นจึงจะจ่ายเงินค่าทำงานให้ หากทำไม่ครบเงื่อนไขจะไม่สามารถจ่ายค่าตอบแทนได้ โดยไลน์ของคนร้ายดังกล่าวก็ได้บอกขั้นตอนการทำงานต่างๆ ให้ผู้เสียหายทำตาม จากนั้นไลน์ของคนร้ายดังกล่าว ได้ส่งลิงก์เว็บไซต์ให้ผู้เสียหายลงทะเบียนเพื่อทำงานในเว็บไซต์ดังกล่าว โดยจะมีการแสดงยอดเงินรายได้ ของผู้เสียหาย และอ้างว่าสามารถแจ้งการถอนเงินผ่านแอปได้ แต่อย่างไรก็ตามการที่ผู้เสียหายจะเริ่มทำงานได้ ผู้เสียหายจะต้องโอนเงินเป็นการสำรองเงินทุน เพื่อฝากเงินเข้ากระเป๋าในแอปก่อนจึงจะสามารถกดสั่งซื้อได้ หลังจากจ่ายเงินเพื่อทำคำสั่งซื้อสำเร็จ ผู้เสียหายก็จะได้รับค่าคอมมิชชั่นตามเปอร์เซนต์ของเงินทุนที่ฝากเข้าไป หลังจากที่สมัครแอปฯแล้ว ไลน์ดังกล่าว ได้แจ้งให้ผู้เสียหายกดรับโบนัส และให้ผู้เสียหายลองถอนเงิน ปรากฏว่าได้รับเงินโบนัสและสามารถถอนได้จริง จากนั้นคนร้ายก็ได้เสนอแผนการลงทุนยอดเงินจำนวนต่างๆ เช่น ขั้นตอนการกดสั่งสินค้า และผลตอบแทนที่จะได้รับ ผู้เสียหายจึงตกลงร่วมลงทุน และโอนเงินเพิ่มอีกหลายครั้ง รวมเป็นเงินเกือบ 50,000 บาท แต่เมื่อผู้เสียหายทำงานกดสั่งซื้อสินค้า ครบตามกำหนดเงื่อนไขแล้ว ปรากฏว่าไม่สามารถถอนเงิน จำนวนดังกล่าวได้ และไม่สามารถติดต่อไลน์ของคนร้ายได้ ทำให้เกิความเสียหาย จากการตรวจสอบพบผู้ต้องหามีประวัติ ถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน มาก่อนจะถูกจับกุมในคดีนี้ สอบถามคำให้การเบื้องต้น ผู้ต้องหาได้ให้การว่าได้มีการรับจ้างเปิดบัญชีธนาคารจริง โดยได้รับค่าจ้าง 1,500 บาท รายที่ 3 น.ส.ศรัณยธรฯ อายุ 41 ปี จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่า น.ส.ศรัณยธรฯ มีพฤติกรรมเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยกลุ่มคนร้ายจะติดต่อผู้เสียหายเข้ามาทางไลน์ และมีการพูดคุยชักชวนให้ลงทุน โดยอ้างว่าได้ผลตอบแทนที่สูง เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อได้ทำการโอนเงินไปยังบัญชีของคนร้ายจำนวนหลายครั้ง เป็นเงินจำนวนกว่า 1 ล้านบาท และต่อมาผู้เสียหายทราบว่าถูกหลอก เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดี จากการตรวจสอบพบผู้ต้องหามีประวัติถูกดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง มาก่อนจะถูกจับกุมในคดีนี้ สอบถามคำให้การเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ โดยหลังจากจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสามรายแล้ว ได้ดำเนินการนำผู้ต้องหาส่ง สภ.เมืองเชียงใหม่ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ตำรวจสอบสวนกลาง(CIB)ขอประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่า การรับจ้าง เปิดบัญชีธนาคารหรือให้ผู้อื่นใช้บัญชีธนาคารของตนเองนั้น ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย โดยมีความผิดตาม พรก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 โดย “เจ้าของบัญชีม้าหรือเบอร์ม้า ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” จึงขอประชาสัมพันธ์เน้นย้ำว่า 1.อย่าเปิดบัญชีธนาคารให้กับคนอื่น 2.อย่าให้ใครยืมใช้บัญชีธนาคาร 3.หมั่นตรวจสอบบัญชีเป็นประจำ หากพบความผิดปกติ ให้รีบแจ้งธนาคารทันทีเพื่อขอคำแนะนำ และระงับบัญชี 4.ระวังข้อมูลส่วนตัว เช่น ข้อมูลบัตรประชาชนทั้งด้านหน้า-หลัง, รหัส OTP ของธนาคาร เพราะมิจฉาชีพ อาจนำข้อมูลเหล่านั้น ไปเปิดบัญชีม้าได้ และกรณีที่มีหมายเรียกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมายังท่าน ขอให้ดำเนินการตามหมายเรียก อย่าละเลย ไม่ดำเนินการตามหมายเรียก มิฉะนั้นอาจเป็นเหตุให้ถูกออกหมายจับได้ “การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชน ให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้าง ทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด