นนทบุรี วงจรปิด วัยรุ่นเดือด! ชักอาวุธมีดไล่แทงกลางแยกไฟแดง เจ็บ 2 ราย ถาม “มึงเก๋าหรอ?”
เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 68 ดร.ปรเมศร์ ชัยพัชรกุลพงษ์ หรือ “ดร.แก้ว” ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาอัยการจังหวัดนนทบุรี, ประธานกิตติมศักดิ์ กต.ตร.จังหวัดนนทบุรี และผู้ก่อตั้งเพจ “ดร.แก้วช่วยได้” ได้รับเรื่องร้องเรียนจากนายแบงค์ อายุ 23 ปี และนายโต้ง อายุ 22 ปี ผู้เสียหาย ถูกกลุ่มวัยรุ่น 3 คน รุมทำร้ายได้รับบาดเจ็บ คาดไม่พอใจถูกขับรถปาดหน้า เหตุเกิดบริเวณแยกไฟแดงหน้าวัดสลักเหนือ (ฝั่งขาเข้า มุ่งหน้าปากเกร็ด) วันที่ 14 มิ.ย. 68 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 23.20 น. แจ้งความไว้ที่สภ.ปากเกร็ด
ภาพจากกล้องวงจรปิดวันที่ 14 มิ.ย. 68 เวลา 23.26 น. บริเวณทางเข้า-ออก เมืองทองธานี (ใกล้เคียงตลาดบุญเจริญ) จับภาพนายแบงค์กับนายโต้ง ขับขี่รถจยย.ออกมาจากซอยคนละคัน มุ่งหน้าแยกไฟแดงวัดสลักเหนือ ก่อนที่นายแบงค์จะเปิดไฟเลี้ยวขวาและเปลี่ยนเลนออกไป จากนั้นจะเห็นรถจยย.ของกลุ่มคู่กรณี ซ้อนท้ายกันมา 2 คน ขับขี่ตามหลังไปใกล้กับรถจยย.ของนายแบงค์
ภาพจากกล้องวงจรปิดอีกมุมหนึ่ง วันที่ 14 มิ.ย. 68 เวลา 23.27 น. บริเวณแยกไฟแดงวัดสลักเหนือ จับภาพนายแบงค์ ขับขี่รถจยย.ติดไฟแดงเป็นคันแรก ตามมาด้วยนายโต้ง จากนั้นมีรถจยย.ของกลุ่มคู่กรณีขับขี่ตามหลัง และวิ่งเข้ามาทำร้าย โดยมีเพื่อนของกลุ่มคู่กรณีมาเพิ่มด้วยอีก 1 คน รวมเป็น 3 คน ทั้งหมดมีอาวุธมีดพับในมือ เข้าไปชกต่อยนายโต้งที่คร่อมรถจยย.อยู่ และวิ่งไล่แทงนายแบงค์ ดึงกุญแจรถจยย.ของนายแบงค์ไป ต่อมามีพลเมืองดีที่ขับรถยนต์จอดต่อท้ายได้บีบแตรไล่ กลุ่มคู่กรณีของนายแบงค์จึงรีบขับขี่รถจยย.หนีไป ซึ่งมีพลเมืองดีที่ขับขี่รถจยย.ผ่านมาเห็นเหตุการณ์ได้จอดรถอีกฝั่ง และข้ามถนนเข้าไปให้การช่วยเหลือเข็นรถจยย.ของนายแบงค์ และพานายแบงค์กับนายโต้งข้ามมาฝั่งวัดสลักเหนือ ก่อนจะแนะนำให้เดินทางไปแจ้งความ
นายแบงค์ (เสื้อแจ็คเก็ตสีครีม) กล่าวว่า เหตุเกิดคืนวันที่ 14 มิ.ย. 68 ตนกับนายโต้งได้ขับขี่รถจยย.มาคนละคันเพื่อจะกลับบ้านแถววัดสลักเหนือ ตนเปิดไฟเลี้ยวขวาเพื่อจะเปลี่ยนเลน จากนั้นมีคู่กรณีขับขี่รถจยย.ตามหลังมาจะชนตน ตนจึงมองคู่กรณีก่อนจะถามว่า “เปิดไฟเลี้ยวอยู่ไม่เห็นหรอ” พอมาถึงจุดเกิดเหตุ 1 ในคู่กรณีได้ถามตนว่า “มึงเก๋าหรอ เอามั้ย?” และลงจากรถเอามีดมาวิ่งไล่แทงตน นายโต้งจึงบอกให้ตนรีบวิ่งหนี ตนจึงวิ่งอ้อมรถยนต์ที่จอดติดไฟแดงอยู่เพื่อที่จะหนี
กลุ่มคู่กรณีมาด้วยกัน 3 คน ทั้งหมดได้ถือมีดพกวิ่งไล่แทงตน ตนจึงได้ก้มลงหยิบก้อนหินเพื่อเอามาป้องกันตัว คู่กรณีได้วิ่งไปดึงกุญแจรถจยย.ของตนไป และต่อยนายโต้งที่นั่งคร่อมรถจยย.อยู่ มีพลเมืองดีที่จอดรถติดไฟแดงซึ่งเห็นเหตุการณ์ได้บีบแตรไล่ กลุ่มคู่กรณีจึงขับขี่รถจยย.หลบหนีไป ซึ่งตนได้รับบาดเจ็บปากแตก โทรศัพท์จอแตก และกุญแจรถจยย.หายไปด้วย ส่วนนายโต้งโดนชกต่อยหน้าบวม
ดูจากคลิปวงจรปิดอาจจะเห็นว่าตนเปลี่ยนเลนกระชั้นชิด หรือขับปาดหน้า แต่ความจริงตนเว้นระยะปลอดภัยแล้ว ซึ่งกลุ่มคู่กรณีสามารถขับรถชิดซ้ายมาตามทางได้ แต่กลับเบี่ยงเลนมาเพื่อที่จะตั้งใจชนรถของตน ตนรู้สึกกังวลว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม และคดีไม่คืบ จึงได้มาร้องดร.แก้ว ให้ช่วยเหลือเรื่องคดี ห่วงความปลอดภัยทั้งตนเองและเพื่อน ยืนยันว่าไม่รู้จักกลุ่มคู่กรณีหรือเคยมีเรื่องกันมาก่อน และจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
นายโต้ง (เสื้อบอลสีแดง) กล่าวว่า ตนขับขี่รถจยย.ตามหลังนายแบงค์มา เห็นคู่กรณีมีการโต้เถียงกับนายแบงค์ และจอดรถจยย. ขณะนั้นตนกำลังลงจากรถเพื่อไปห้ามแต่เห็นกลุ่มคู่กรณีชักอาวุธมีดออกมา ตนเลยชะงักและบอกให้นายแบงค์วิ่งหนี ก่อนกลุ่มคู่กรณีจะย้อนกลับมาชกต่อยตนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งบาดแผลอาจได้รับบาดเจ็บไม่มาก แต่ทรัพย์สินของตนและนายแบงค์ได้รับความเสียหาย โทรศัพท์จอแตก ตนห่วงความไม่ปลอดภัยและอยากให้กลุ่มคู่กรณีมารับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้น
ด้าน ดร.แก้ว กล่าวว่า วันนี้ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากน้องผู้เสียหายทั้ง 2 คน ว่าถูกกลุ่มวัยรุ่นรุมทำร้าย ตนมองว่าเป็นการก่อเหตุอย่างอุกอาจและไม่เกรงกลัวกฎหมาย มีประชาชนจอดรถติดไฟแดงอยู่จำนวนมาก กลับพกอาวุธมีดมาไล่แทงกันแบบนี้ถือว่ากล้ามาก ตนยืนยันจะให้ความปลอดภัยและความมั่นใจกับน้องผู้เสียหายทั้ง 2 คน และจะช่วยติดตามคดีให้ถึงที่สุด
หมายเหตุ : เบลอหน้าผู้เสียหายด้วยครับ