นนทบุรี เปิดใจพี่ชายแท้ๆ เอ หัวลาย ยันตร.ทำเกินกว่าเหตุ ขอความเป็นธรรมในคดี ตอนนี้แขนที่ถูกยิงใช้งานไม่ได้2ข้าง จากกรณีที่นายรัธวัฒน์ พูลวัน หรือ “เอ หัวลาย” อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาคดียาเสพติด ซึ่งขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีการตรวจค้นของตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองนนทบุรี ก่อนเสียหลักล้มในซอยวัดชมภูเวก และใช้อาวุธมีดต่อสู้เจ้าหน้าที่ ทำให้ตำรวจต้องยิงสกัดที่แขนทั้งสองข้าง จนสามารถควบคุมตัวได้ ล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 11 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวเดินทางมาพบ นายปรีดา พูลวัน หรือหนึ่ง พี่ชายแท้ๆของนายเอ หัวลาย เพื่อสอบถามเรื่องกรณีดังกล่าว และอาการบาดเจ็บของนายเอ หัวลาย ปรากฏว่า ทางนายปรีดา เปิดเผยว่า เมื่อวานตอนเกิดเหตุมีคนในหมู่บ้านโทรมาแจ้งกับตนว่าน้องถูกยิง ทางตนจึงรีบประสานทางน้องเพื่อจะไปดูอาการ พอไปถึงทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ให้เข้าที่เกิดเหตุและบอกให้ตนไปที่โรงพยาบาลส่งตัวของน้องไป ตนจึงรีบตามไปที่โรงพยาบาลแต่ทางโรงพยาบาลยังไม่มีอาการบาดเจ็บของน้อง ผ่านไปสักพักมีพยาบาลออกมาบอกว่าต้องเข้าห้องผ่าตัดด่วน ตนจึงเข้าไปเซ็นเอกสารยินยอมผ่าตัด เพราะน้องเป็นหนักซึ่งตนมองว่าเหตุที่เกิดขึ้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ เพราะน้องรถล้มแล้ววิ่งหนี เข้าป่าแล้วโดนตำรวจล็อคไปแล้วมือไขว้หลังอยู่ แต่ตำรวจบอกว่าทางน้องชายตนเข้าไปแทง ทั้งทั้งที่ดูจากในคลิปที่ออกข่าวไปว่ายังไม่มีการแทงแต่ได้ยินเสียงปืนออกมาก่อนแล้วสองนัด ซึ่งทั้งสองนัดเข้าที่แขนของน้องสองข้าง อาการบาดเจ็บของน้องตอนนี้สามารถพูดคุยได้แล้ว แต่แขนไม่สามารถใช้งาน เพิ่งออกจากห้องผ่าตัดมาเมื่อเช้า ยังอยู่ห้องไอซียู ยกแขนไม่ได้ทั้งสองข้าง ส่วนแขนข้างซ้ายจะเป็นหนักที่สุด ซึ่งตนดูจากข่าวเมื่อวานปรากฏว่าตำรวจไม่ได้พูดความจริง เพราะน้องมาเล่าให้ต้นฟังว่าก่อนจะเจอเจ้าหน้าที่ตำรวจน้องตนเอารถจยย. ไปทำ และไปไปหาเพื่อนพอเลี้ยวเข้าไปซอยที่เกิดเหตุ ถูกตำรวจไล่จึงรีบหนีแต่เสียหลักรถล้มก่อน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าน้องรถล้มจะเข้าไปดูอาการบาดเจ็บแต่ไม่เป็นตามที่เค้าบอกคือตำรวจเข้าไล่ล่าน้อง ไม่ได้เข้าไปช่วย ส่วนเพื่อนที่ขับมากับน้องขับหนีไปตั้งแต่น้องรถล้ม นิสัยส่วนตัวของเอไม่ใช่คนสู้คน แต่คำพูดคำจาจะรุนแรง เป็นขาใหญ่ตามที่ออกข่าว บางครั้งก็อารมณ์ร้อน โวยวาย ซึ่งน้องเพิ่งออกจากเรือนจำมาประมาณสามปีที่แล้ว และได้ฉายามาว่าเอหัวลาย เพราะออกจากเรือนจำมามีรอยสักที่หัว จึงได้ฉายานี้มา ตนรู้สึกไม่พอใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพราะขอเข้าไปดูเหตุถูกไล่ออกมา ไม่ให้บันทึกวิดีโอ ไม่มีการพูดคุยกับทางญาติ ไม่ให้ทางตนรับรู้เรื่องใดๆทั้งสิ้น ตนได้ขอดูกล้อง หน้าอกเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ก็ไม่มีใครให้ตนดู อ้างว่าอยู่ในรูปคดี ซึ่งตนขอตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ตนจึงอยากฝากบอกทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองนายว่า ควรจะระงับเหตุในทางที่ดี แต่มาระงับเหตุด้วยกันใช้อาวุธปืนยิง ถ้าเป็นญาติตัวเองหรือลูกหลานตนเองโดนบ้างจะรู้สึกอย่างไร ทั้งที่เมื่อวาน จับน้องตนได้แล้วและค่อมน้องตนไปแล้ว น้องไม่ได้มีการขัดขืนแค่ดิ้นเพราะว่ารู้สึกเจ็บ แต่มาบอกว่าน้องตนจะแทง ตนมองว่าแค่มีดอยู่สองคนไม่ควรใช้ปืนระงับเหตุ วิธีการระงับเหตุมีตั้งหลายทาง ทำไมถึงเลือกที่จะยิง ตนอยากฝากถึงประชาชนให้ความเป็นธรรมกับน้องตนด้วย ตอนนี้แขนน้องตนใช้งานไม่ได้











