นนทบุรี วงจรปิด ปะทะเดือดกลางถนน! “ไม้สู้มีด” ศึกวินจยย.บางกรวย ปมทะเลาะเรื่องลูกค้า ร่ำไห้บาดเจ็บเย็บ 66 เข็ม
เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2568 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งเหตุขอความช่วยเหลือจากนายไพศาล ซันนาวา อายุ 47 ปี อาชีพวินจักรยานยนต์รับจ้างประจำวินบางกรวยสามัคคี หลังถูกนายสมนึก สุนทรศิริ อายุ 46 ปี ซึ่งทำตัวเป็นหัวหน้าวิน ใช้อาวุธมีดฟันเข้าที่ใบหน้า เป็นแผลฉกรรจ์ต้องเย็บกว่า 66 เข็ม เหตุการณ์เกิดขึ้นบริเวณหน้าโรงรับจำนำ Buddy Money ถนนบางกรวย-ไทรน้อย ต.บางกรวย อ.บางกรวย จ.นนทบุรี
ภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ในวันที่ 31 พ.ค. 68 เวลาประมาณ 15.31 น. ขณะเกิดเหตุการณ์ระหว่างนายไพศาล และนายสมนึก สองวินจักรยานยนต์รับจ้างประจำย่านบางกรวย ในคลิปปรากฏภาพนายไพศาล สวมเสื้อยืดสีเทา กางเกงขายาวสีดำ เดินถือไม้ยาว 1 ท่อนมาจากปากซอย ก่อนจะพบกับนายสมนึก ซึ่งสวมเสื้อวิน จยย. และกางเกงขายาว ยืนอยู่ภายในซอยข้างรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟสีน้ำเงิน
เมื่อทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน นายสมนึกได้เปิดเบาะรถจักรยานยนต์ หยิบอาวุธมีดลักษณะคล้ายมีดทำครัวที่ซ่อนไว้ ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะเริ่มเปิดฉากปะทะกันกลางถนน ท่ามกลางความแตกตื่นของชาวบ้านในละแวกดังกล่าว ส่งผลให้การจราจรในซอยหยุดชะงักชั่วคราว ก่อนมีพลเมืองดีเข้ามาห้ามปราม ทั้งสองฝ่ายจึงยุติการปะทะและแยกย้ายกันไป
นายไพศาล ผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุการณ์ที่ตนและผู้ก่อเหตุปะทะกัน วันที่ 30 พ.ค. 68 ตนขับวิน จยย. ตามปกติ ซึ่งกำลังรอลูกค้าที่หน้าวินตามปกติ แต่นายสมนึกแสดงอาการไม่พอใจ กล่าวหาว่าตนไม่ให้ความสำคัญ มองไม่เห็นลูกค้าที่จะมาเข้าใช้บริการ นายสมนึกที่มีพฤติกรรมคิดว่าตัวเองใหญ่โต ทำตัวเป็นหัวหน้าวิน ได้พูดต่อว่าและด่าทอด้วยคำหยาบคาย ตนจึงรีบขับไปส่งลูกค้าแล้วกลับมาพบกับนายสมนึกอีกครั้ง ปรากฏว่า นายสมนึกได้หยิบไขควงเดินปรี่มาแทงตน ได้รับบาดเจ็บเป็นแผลเป็นบริเวณแขนขวา ตนจึงรีบขับรถ จยย. หนี แต่นายสมนึกไม่ยอม ขับตามตนจนกระทั่งถึงบริเวณใต้ทางด่วน ตนได้คว้าไม้คมแฝกได้ 1 เล่ม จึงหยิบออกมาป้องกันตัว จนกระทั่งนายสมนึกขับรถกลับไป
ต่อมาวันที่ 31 พ.ค. 68 วันเกิดเหตุ ตนได้เดินไปซื้อบุหรี่แถวที่เกิดเหตุ และนึกตะหงิดใจ คว้าท่อนไม้ติดตัวไป 1 ท่อน เกรงจะเจอตัวนายสมนึก ปรากฏว่าก็ได้เจอจริง ๆ ทำให้เหตุการณ์รุนแรงตามกล้องวงจรปิด ตอนนั้นตนมีไม้ 1 ท่อน แต่นายสมนึกมีมีด ทำให้ตนสู้ไม่ได้ เสียท่าถูกนายสมนึกฟันเข้าหน้าทุกดอก ส่วนตนตีเขาแทบจะไม่โดน ประกอบกับวันนั้นได้ดื่มสุราและมีอาการมึนเมาด้วย ทางคนเห็นเหตุการณ์แถวนั้นก็มาช่วยห้ามกัน และแยกย้ายกันกลับไป
หลังเกิดเหตุทางชาวบ้านก็ได้แจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยมารับตัวตนไปโรงพยาบาล เนื่องจากมีเลือดไหลทั่วใบหน้า ตอนนี้ได้รับบาดเจ็บบริเวณใบหน้าแทบทั้งหมด ตั้งแต่บริเวณโหนกแก้มซ้าย-ขวา จมูก หางคิ้ว หน้าผาก รวมแผลเย็บทั้งใบหน้าทั้งหมด 67 เข็ม ซึ่งวันนี้ทางตนก็ได้เดินทางไปตัดไหมมาที่โรงพยาบาล มีอาการเป็นไข้ด้วย ต้องนอนพักผ่อนรักษาตัวก่อน ยังทำงานไม่ได้
ตนยืนยันว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับนายสมนึกมาก่อน แต่นายสมนึกมีนิสัยทำตัวกร่าง ลักษณะคล้ายหัวหน้าวิน อยากจะเป็นใหญ่ และมีพฤติกรรมชอบเรียกเก็บเงินคนที่วิน ซึ่งตัวเขาก็เพิ่งออกจากคุกมาไม่นาน และมาคลุกคลีอยู่ที่วิน จยย. ซึ่งตอนนี้หลังเกิดเหตุเหมือนตัวเขาได้หนีไปแล้ว ตนจึงเข้าแจ้งความที่ สภ.บางกรวย
นายไพศาล กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตอนนี้ตนเดือดร้อนมาก ไม่มีเงิน ยังบาดเจ็บอยู่ ขับวิน จยย. ไม่ได้ ตอนนี้มีผู้ใหญ่ใจดีให้ที่นอนพัก หาข้าวหาน้ำให้กินชั่วคราว สุดท้ายอยากฝากถึงตำรวจ สภ.บางกรวย ช่วยตามตัวนายสมนึกมาลงโทษตามกฎหมายให้เร็วที่สุด
ด้านนายสุริยัน มัณยานนท์ อายุ 41 ปี อดีตคู่กรณีของนายสมนึก ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงพฤติกรรมของนายสมนึก โดยระบุว่าเป็นคนเกเร เข้ากับใครไม่ได้ และมักพกมีดติดตัวตลอดเวลา และเสื้อวินที่ใส่ก็ไม่ใช่ของตัวเอง แถมจะพาเจ้าของเสื้อเดือดร้อนอีก ตนเคยมีปัญหากับเขาเมื่อปี 64 เป็นเรื่องชู้สาวกับแฟนเก่า ตอนนั้นถึงขั้นฟ้องร้องกันขึ้นศาล มีคลิปวงจรปิดด้วยที่เขาใช้อาวุธมีดทำร้ายแฟนเก่าตนจนเกิดการทะเลาะกัน แล้วเขาก็เคยแทงคนอื่นจนลูกหลานเขาต้องมาตามตัว
นายสุริยัน กล่าวต่อว่า นายสมนึกเคยทำงานเป็น รปภ. ก็มีปัญหากับลูกบ้าน พอหันมาขับวินก็ยังมีปัญหาอีก โดยเฉพาะเรื่องทำตัวเป็นหัวหน้า คอยเก็บเงินจากวินที่มาจอดหน้าปากซอย รายละ 100 บาท พร้อมอ้างว่าเป็นเงินที่ต้องส่งให้ตำรวจ “แต่ตนเชื่อว่าไม่เป็นความจริง และเป็นนิสัยเขาล้วน ๆ ตำรวจไม่มีทางรับเงินกับคนแบบนี้” การกระทำนี้ตนมองว่ามันเกินไป ไม่มีสิทธิไปเก็บเงินคนอื่น
นายสุริยันยังระบุว่า ตนมองว่านายสมนึกมีพฤติกรรมคล้ายอันธพาล ใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุ แค่ต่อยตีกันก็ว่าเยอะแล้ว แต่นี่เล่นมีดเลย มันเกินไป เหมือนตั้งใจจะทำให้เจ็บหนัก ตนเองเคยโดนมีดจากเขามาหลายครั้ง เรื่องเลยกลายเป็นคดีที่ยอมความกันไม่ได้ ตอนนี้เขาก็หนีไปแล้ว ก่อนหน้านี้เคยหายไปพักหนึ่งเพราะกลัวตรวจสอบประวัติ พอกลับมาก็ยังทำตัวเหมือนเดิม ทั้งที่ทะเบียนรถยังไม่ได้ขึ้นกับขนส่งเลย
