จับกุมมิจฉาชีพอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวน คดีพิเศษ หลอกเหยื่อสูญเงินกว่า 3 ล้านบาท
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก.,พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.พงค์ปณต ชูแก้ว รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ป.,พ.ต.ท.สิทธิเกียรติ ศรีจันทร์,
พ.ต.ท.วาทิต จิตรจันทึก, พ.ต.ท.อภิเดช อธิคมสัญญา, พ.ต.ท.ศรัณย์ ศรีพักตร์, พ.ต.ท.พิทยา ธนาวุฒิ รอง ผกก.5 บก.ป.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.กิตติบดินทร์ กิมเซียะ สว.กก.5 บก.ป., ร.ต.อ.นิติธร ประชันกาญจนา รอง สว. กก.5 บก.ป., ด.ต.โสภณ เก็งฮะ, จ.ส.ต.สรณ์สรัณ ชัชชัยพรธวัล, ส.ต.ท.สุวัฒน์ จันทร์ดี ผบ.หมู่ กก.5 บก.ป.
ร่วมกันจับกุม นายรัชต์ศิษฎ์ฯ อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 701/2568 ลงวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่นและโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูล คอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง, และผู้ใดเปิดหรือยินยอม
ให้บุคคลอื่นใช้บัญชีฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือ
เพื่อกิจการของตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช่หรือยอมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่า จะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด”
สถานที่จับกุม บริเวณหน้าห้อง คอนโดแห่งหนึ่ง ซ.เพชรเกษม 63 แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพมหานคร
สืบเนื่องจาก ผู้เสียหายได้รับโทรศัพท์จากบุคคลที่แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่สอบสวนคดีพิเศษ อ้างว่าผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดและการฟอกเงิน พร้อมข่มขู่ว่าหากไม่ให้ความร่วมมือจะถูกดำเนินคดี ผู้แอบอ้างหลอกให้ผู้เสียหายแอดไลน์ และส่งเอกสารที่มีตราครุฑมาให้ดูเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
ต่อมาผู้เสียหายถูกหลอกให้ย้ายไปพักที่โรงแรม เพื่อไม่ให้บุคคลอื่นรับรู้การ “สอบสวน” จากนั้นมีการวิดีโอคอล พร้อมกล่าวหาว่าผู้เสียหายเคยมีเพศสัมพันธ์กับผู้ต้องหาคดียาเสพติด และให้ถอดเสื้อผ้าเพื่อ “ตรวจสอบร่องรอย” อ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของการสืบสวน
ผู้แอบอ้างยังอ้างเรื่องการตรวจสอบเส้นทางการเงิน โดยหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีที่แจ้งไว้ทางไลน์ พร้อมทั้งขอข้อมูลบัญชีธนาคารและบัตรเครดิตของมารดาผู้เสียหายอีกด้วย ผู้เสียหายหลงเชื่อและโอนเงินรวม 18 ครั้ง 14 บัญชี เป็นเงิน 3,292,127.92 บาท
ซึ่งโอนบัญชื่อ นายรัชต์ศิษฎ์ฯ (ผู้ต้องหา) ผู้เสียหายได้โอนเงินไป 1ครั้ง เป็นจำนวนเงิน 249,897 บาท
ต่อมาตนจึงนำเรื่องดังกล่าวไปปรึกษากับมารดา จึงได้มาคิดทบทวนแล้วเชื่อว่าตนน่าจะถูกหลอกลวง เพื่อหลอกเอาเงินตนไป ผู้เสียหายจึงได้มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่า นายรัชต์ศิษฎ์ฯ ได้ปรากฏตัวอยู่บริเวณสถานที่จับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมพบ นายรัชต์ศิษฎ์ฯ ปรากฏตัวอยู่บริเวณสถานที่จับกุมข้างต้น จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สอบถามชื่อ-สกุล มีชื่อนามสกุล เลขประจำตัวประชาชนตรงกับรายละเอียดของผู้ต้องหาในหมายจับดังกล่าวข้างต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงหมายจับให้ นายรัชต์ศิษฎ์ฯ ดู อ่านให้ฟังและอ่านเองแล้ว นายรัชต์ศิษฎ์ฯ รับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับฉบับนี้จริง และไม่เคยถูกจับกุมในคดีนี้มาก่อนแต่อย่างใด
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งว่าต้องถูกจับกุม พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับให้ทราบและแจ้งสิทธิตามกฎหมายข้างต้นให้ทราบ นายรัชต์ศิษฎ์ฯ ได้รับทราบข้อความทราบข้อกล่าวหาพร้อมทั้งเข้าใจสิทธิของตนเองโดยตลอดแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวไปทำการบันทึกจับกุม จากนั้นนำตัวส่ง พนักงานสอบสวนท้องที่ ที่ถูกจับกุม และนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี
เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ขอให้การรับสารภาพ











