ตามจับหมดแก๊ง บอกจะปั่นบาคาร่า สุดท้ายปั่นเงินเหยื่อOperation Stop Fake Bet “เว็บพนันลวง ปันยอดถอนเงินไม่ได้”
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป.
พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผกก.3 บก.ป., พ.ต.ท.ภาณุมาศ แสงส่ง รอง ผกก.3 บก.ป., พ.ต.ท.พงษ์พิทักษ์ เหล็กชูชาติ รอง ผกก.3 บก.ป.,
พ.ต.ท.อภิมัณฑ์ บานชื่น รอง ผกก.3 บก.ป., พ.ต.ท.ณัฐดนัย สีแข่ไตร รอง ผกก.3 บก.ป และพ.ต.ท.ศิษฎ์
พูลวงศ์ รอง ผกก.3 บก.ป
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.พัฒษพงศ์ เสณีแสนเสนา สว.กก.3 บก.ป., พ.ต.ต.พงศธร รัชตวัชรางกูร สว.กก.3 บก.ป., ว่าที่ พ.ต.ต.ธีรศักดิ์ นามเขต สว. กก.3 บก.ป., ว่าที่ พ.ต.ต.เอกสิทธิ์ อินทร์โท่โล่ สว.กก.3 บก.ป. , ร.ต.อ.ปองธรรม ปองไป รอง สว.กก.3 บก.ป., ร.ต.อ.วัตรสัณห์ เนตรหาญ รอง สว. กก.3 บก.ป.,
ร.ต.อ.เลอสันต์ พรมชื่น รอง สว.กก.3 บก.ป.,ร.ต.อ.ธนทร ทองแกมแก้ว รอง สว.กก.3 บก.ป., ร.ต.อ.ดวง
ขาวสะอาด รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ป., ร.ต.อ.ภณวริษ ทองประกาศิต รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ป. ร.ต.ต.ไตรสรณ์ สีเมฆ รอง สว.(ป.) กก.3 บก.ป. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป.
ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหา จำนวน 8 ราย ดังนี้
1.นางสาวสุดารัตน์ฯ อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 3067 /2568 ลง 27 พ.ค.68
2.นางสาวณัฐวราฯ อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 3068/2568 ลง 27 พ.ค.68
3.นางสาวณัฏฐกัญญาฯ อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 3069/2568 ลง 27 พ.ค.68
4.นางสาวบุศรินทร์ฯ อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 3071/2568 ลง 27 พ.ค.68
5.นางสาวสายรุ้งฯ อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 3072/2568 ลง 27 พ.ค.68
6.นางสาววาสนาฯ อายุ 50 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 3073/2568 ลง 27 พ.ค.68
7.นายเกียรติศักดิ์ฯ อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 3074/2568 ลง 27 พ.ค.68
8.นายทัฐชวินฯ อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 3075/2568 ลง 27 พ.ค.68
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน,ร่วมกันกระทำโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน
พร้อมตรวจยึดของกลาง
1. รถยนต์หรู จำนวน 1 คัน
2. ของใช้แบรนด์เนม 17 ใบ
3. ทรัพย์มีค่าอื่น ๆ 3 เรือน
4. สมุดบัญชีธนาคาร 14 เล่ม
5. บัตรกดเงินสด 3 ใบ
6. คอมพิวเตอร์/CPU 2 เครื่อง
7. โทรศัพท์มือถือ 9 เครื่อง
จำนวนกว่า 50 รายการ รวมมูลค่า 2 ล้านบาท
สถานที่จับกุม ในพื้นที่ กรุงเทพฯ, จ.นนทบุรี, จ.ปทุมธานี, จ.อยุธยา และ จ.เชียงราย
สืบเนื่องจากกองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม รับเรื่องร้องเรียนกรณีมีผู้เสียหายถูกหลอกให้ร่วมลงทุนผ่านการเล่นพนันออนไลน์ โดยคนร้ายอ้างว่าจะเล่นแทนผ่านระบบพิเศษ พร้อมการันตีผลตอบแทนสูงและสามารถถอนเงินได้จริง ผู้เสียหายหลงเชื่อและโอนเงินหลายครั้ง อ้างเป็นค่าดำเนินการถอนเงิน แต่กลับไม่สามารถถอนเงินได้จริง สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ทั้งนี้จากการสืบสวนพบว่า กลุ่มคนร้ายยังคงก่อเหตุในลักษณะเดียวกันต่อเนื่อง กก.3 บก.ป. จึงเร่งดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ทำการสืบสวนขยายผลกลุ่มขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
จุดเริ่มต้นของการตกเป็นเหยื่อในคดีนี้ เริ่มต้นจากคำเชิญชวนอันดูไร้พิษภัย ผู้เสียหายถูกรับเข้ากลุ่มออนไลน์ที่อ้างว่าเป็นกลุ่มลงทุนซื้อขายกระเป๋าแบรนด์เนม แต่ไม่นานหลังจากเข้าร่วม กลับเริ่มมีสมาชิกบางรายในกลุ่มทยอยโพสต์ชักชวนให้ลอง “ลงทุนรูปแบบใหม่” ที่อ้างว่าได้ผลตอบแทนสูงในเวลาอันสั้น วิธีการถูกวางแผนมาอย่างแนบเนียน คนร้ายแนะนำให้ผู้เสียหายสมัครบัญชีผู้ใช้ (User) บนเว็บไซต์พนันออนไลน์ปลอมที่พวกเขาสร้างขึ้นเอง จากนั้นให้ส่งชื่อผู้ใช้กลับมาให้ โดยอ้างว่าจะมี “ทีมงานมืออาชีพ” ช่วยเล่นบาคาร่าแทน
โดยเฉพาะในระบบพิเศษที่อ้างว่ามีสูตรและเทคนิคทำกำไร พร้อมโชว์ยอดรายได้มหาศาล และสลิปการถอนเงินที่ดูสมจริงจนไม่น่าสงสัย ด้วยแรงจูงใจจากผลตอบแทนที่ล่อตาล่อใจ และความเชื่อมั่นในบรรยากาศของกลุ่มที่ดูน่าเชื่อถือ ผู้เสียหายจึงตัดสินใจโอนเงินเข้าบัญชีของกลุ่มผู้ต้องหา หวังให้เงินงอกเงยตามที่ถูกโฆษณาไว้
แต่เบื้องหลังความน่าเชื่อถือเหล่านั้น กลับกลายเป็นกับดักที่วางไว้แล้วอย่างแนบเนียน จากการสืบสวนขยายผลของเจ้าหน้าที่พบว่า เงินที่ผู้เสียหายโอนเข้าไป ถูกรีบถ่ายโอนต่อไปยังบัญชีอื่นในเครือข่ายอย่างรวดเร็ว ก่อนจะถูกถอนออกจากระบบเป็นเงินสดอย่างต่อเนื่อง
เมื่อผู้เสียหายต้องการถอนเงินกลับออกมา กลับพบว่าทำไม่ได้ และถูกคนร้ายอ้างว่า ต้องจ่าย “ค่าดำเนินการ” เพิ่มเติมอีกหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นค่าธรรมเนียมภาษี ค่าปลดล็อกบัญชี หรือแม้แต่ค่าธุรกรรมระหว่างประเทศ จนกระทั่งสุดท้าย ผู้เสียหายจึงเริ่มรู้ตัวว่า ถูกหลอกเข้าเต็มเปาโดยขบวนการฉ้อโกงที่แอบซ่อนอยู่ในคราบของการลงทุนออนไลน์
ข้อมูลการโอนเงินเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงโครงข่ายพฤติกรรมของกลุ่มผู้ต้องหาอย่างเป็นระบบ มีการแบ่งหน้าที่ เคลื่อนย้ายเงิน และฟอกเงินอย่างชัดเจน โดยอาศัยช่องทางออนไลน์เป็นเครื่องมือในการลวงประชาชน ซึ่งสามารถเชื่อมโยงความผิดหลายฐานเข้าด้วยกัน ทั้งฉ้อโกง, ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และการฟอกเงินพฤติกรรมทั้งหมดบ่งชี้ชัดว่า กลุ่มผู้ต้องหามีความพยายาม ปกปิดและซุกซ่อนแหล่งที่มาของเงิน เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ เสมือนเป็นการ “ล่องหน” ทางการเงิน
ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ต้องหาได้ใช้ สื่อออนไลน์เป็นเครื่องมือหลัก สร้างภาพลวงตาว่าเป็นการลงทุนที่น่าเชื่อถือ อ้างว่าเป็นการเล่นบาคาร่าโดยมืออาชีพ พร้อมโชว์ยอดกำไรและระบบถอนเงินที่ดูสมจริง เพื่อหลอกให้เหยื่อตายใจแต่เบื้องหลังความหรูหรานั้น กลับไม่ปรากฏหลักฐานใดเลยว่าเงินของเหยื่อถูกนำไปใช้ตามที่กล่าวอ้าง การลงทุนที่หวังว่าจะสร้างรายได้ จึงกลายเป็น กับดักหลอกลวง ที่วางแผนมาอย่างแนบเนียน โดยมีเป้าหมายชัดเจน คือดูดเงินทุกบาทออกจากบัญชีผู้เสียหายให้หมดสิ้น
จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานอย่างรอบด้าน ก่อนจะพบ เครือข่ายเชื่อมโยงของกลุ่มขบวนการหลอกลวงจำนวน 9 ราย ซึ่งมีการแบ่งหน้าที่กันอย่างเป็นระบบ แต่ละคนในขบวนการมีบทบาทชัดเจน ตั้งแต่เจ้าของบัญชีรับโอนเงินจากเหยื่อ หรือที่เรียกกันว่า “บัญชีม้า”, ผู้ทำหน้าที่ผ่องถ่ายเงินไปยังบัญชีอื่นในเครือข่าย, มือกดเงินสดออกจากตู้ ATM เพื่อปิดร่องรอยทางการเงิน ไปจนถึง ตัวการใหญ่ผู้อยู่เบื้องหลัง ที่วางแผนควบคุมการหลอกลวงผ่านโลกออนไลน์ เครือข่ายนี้ทำงานเหมือนเครื่องจักรที่วางกลไกไว้อย่างแนบเนียน พอเหยื่อหลงเชื่อและโอนเงินเข้าไประบบก็เริ่มทำงานทันที เงินจะถูกแบ่งกระจายอย่างรวดเร็ว หายวับจากบัญชีต้นทางภายในเวลาไม่กี่นาที
เมื่อพบความเชื่อมโยงและพฤติการณ์อันชัดเจนของกลุ่มผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่จึงได้ รวบรวมพยานหลักฐานอย่างแน่นหนา ก่อนยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย ศาลพิจารณาแล้วเห็นพ้องกับพยานหลักฐาน จึงมีคำสั่งอนุมัติหมายจับตามคำขอของเจ้าหน้าที่ทุกประการ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม ได้เดินหน้าเปิดปฏิบัติการครั้งใหญ่ โดย สนธิกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 50 นาย กระจายกำลังเข้าตรวจค้น เป้าหมาย 8 จุด ใน 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ, นนทบุรี, พระนครศรีอยุธยา, ปทุมธานี และเชียงราย ปฏิบัติการไล่ล่าครั้งสำคัญเพื่อทลายเครือข่ายมิจฉาชีพออนไลน์ ที่ใช้เว็บไซต์พนันเป็นฉากบังหน้าในการหลอกลวงเหยื่อให้ร่วมลงทุนจบลงด้วยความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเจ้าหน้าที่สามารถรวบรวมหลักฐานแน่นหนา นำไปสู่การบุกจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 8 รายในคราวเดียว
ภายหลังการจับกุม มีผู้ต้องหาหลายรายถูกนำตัวเข้าสอบสวนทันที โดยเฉพาะ “น.ส.ณัฐฐกัญญา” ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาหลักและเชื่อว่าเป็นตัวการสำคัญ ได้ให้การรับสารภาพว่าเริ่มต้นร่วมขบวนการตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา ขณะที่ผู้ต้องหาบางรายยังคงให้การปฏิเสธ อ้างว่าเพียงแค่ถูกชักชวนให้ยืมบัญชีไปใช้ โดยไม่รู้เห็นถึงเบื้องหลังของขบวนการดังกล่าว
เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างรัดกุม ส่วนผู้ต้องหาอีก 1 รายที่ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อได้นำตัวมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ขอให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
เตือนภัย ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จึงขอฝากเตือนให้พี่น้องประชาชนทุกคน จึงขอเตือนประชาชนทุกคน อย่าหลงเชื่อคำโฆษณาชวนเชื่อที่อ้างว่าเป็นการลงทุนที่ได้กำไรง่าย และไม่มีความเสี่ยง โดยเฉพาะการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์ หรือการเล่นแทนโดยบุคคลอื่นผ่านระบบใด ๆ ก็ตาม เพราะแท้จริงแล้ว สิ่งเหล่านั้นอาจไม่ใช่ “การลงทุน” แต่เป็น “กับดัก” ที่ถูกออกแบบมาอย่างแนบเนียน เพื่อดูดเงินของคุณอย่างไร้ปรานี ในโลกที่ข้อมูลล้นมือและหลอกลวงได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว การมีสติและไม่หลงเชื่ออะไรง่าย ๆ คือเกราะป้องกันที่ดีที่สุด อย่าให้ความโลภบดบังความจริง และอย่ารอจนกลายเป็นผู้เสียหายรายต่อไป ก่อนจะตระหนักว่า “ไม่มีเงินไหนได้มาง่าย โดยไม่ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยง”การโอนเงินเพียงครั้งเดียวอาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความเสียหายมหาศาล และไม่มีโอกาสได้เงินคืนอีกเลย จึงขอให้ตรวจสอบให้รอบคอบ มีสติ และอย่าหวังรวยทางลัดบนความเสี่ยงที่ไม่มีหลักประกันใด ๆ ทั้งสิ้น









