นนทบุรี ต่อข่าว เปิดใจนายเสือสารภาพทำร้ายน้องชายจริง แต่ไม่ได้ปาแจกันใส่ยายวัย85ปีนิ้วหัก จากกรณีที่ น.ส. สุจินดา เขมะชาติ หรือพี่หน่อย (เสื้อแดง) น้าของเสือ อายุ 44 และ นางทองดี เขมะชาติ อายุ 85 ปี ยายของเสือ ถูกนายเสืออายุ 25ปี เข้ามาทำร้ายร่างกายเมื่อวันที่ 19 พ.ค.68 ที่่ผ่านมา จนทำให้นางทองดีฯ ซึ่งเป็นยายของเสือนิ้วหัก และนายจุฬาลักษณ์ สมณะบุตร อายุ 22ปี หรือช้างน้องชายของเสือ ถูกนายเสือบีบคอจนได้รับบาดเจ็บ พร้อมกับนายเสือฯ พาบอดี้การ์ดเข้ามาคลุมขณะทำร้ายร่างกาย ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าไปห้ามนายเสือ และถูกนายเสือพูดข่มขู่ที่ตัวและในรถมีอาวุธปืน จะมาล้างแค้นครอบครัวตัวเอง เนื่องจากนายเสืออ้างว่าแค้นตอนเด็กที่ถูกเลี้ยงมาอย่างไม่ดี ทางครอบครัวผู้เสียหายจึงเป็น่วงเรื่องความปลอดภัยหวั่นจะถูกนายเสือกลับมาก่อเหตุทำร้ายร่างกายซ้ำ จึงรีบเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.ปากเกร็ด และร้องเรียนกับทางสื่อ กลัวเรื่องอิทธิพลของนายเสือ เพราะพ่อของนายเสือเป็นอดีตตำรวจเกษียณ ที่ สภ.คลองห้า จังหวัดสมุทรปราการ และปัจจุบันยังเป็นนักแสดงหนังในหน้าจอทีวี ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 พ.ค.68 สภ.ปากเกร็ด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้เชิญตัว นายเสือ อายุ 28 ปี คู่กรณี เข้ามาพบเพื่อสอบปากคำเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นกับทางเจ้าพนักงานสอบสวน และมีการพูดคุยกับทาง ดร.ปรเมศร์ ชัยพัชรกุลพงษ์ หรือ “ดร.แก้ว” ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมผู้ก่อตั้งเพจ “ดร.แก้วช่วยได้” เพื่อขอความเป็นธรรมเรื่องคดี ซึ่งนายเสือยอมรับว่ามีปัญหากับช้างจริง แต่ไม่ได้ทำร้ายร่างกายคุณยายวัย 85 ปี และไม่ได้บุกรุกเข้าไปในบ้าน จากการสอบถาม นายเสือ เล่าว่า วันที่เกิดตนได้เข้าไปที่บ้านยาย เตรียมเงินสดไปให้เพื่อที่จะให้ยายไว้ใช้ แต่ตอนที่เข้าไปตนไม่ได้มีปัญหาหรือจะเข้าไปเอาเรื่อง แต่ตนไม่ได้ใส่ถอดรองเท้าแล้วเดินเหยียบเข้าไปภายในบ้านและมีช้างที่นอนอยู่ตรงพื้น หลังจากนั้นช้างได้ตะโกนด่าทอตนว่า เข้าบ้านคนอื่นไม่ถอดรองเท้ามึงไม่มีมารยาทหรอ ทำให้ตนโมโหและสติหลุดที่ช้างเป็นน้องชายแต่พูดจากับตนไม่ดี ตนจึงสวนกลับว่า กูเป็นพี่มึงพูดให้มันดีๆหน่อย ซึ่งตนก็เก็บอารมณ์ไม่อยู่จึงเข้าไปหาช้าง ล๊อคคอไว้ ก่อนจะมีนิติเข้ามาห้าม แต่ช้างก็ลุกขึ้น ตนจึงหยิบแจกันมาถือไว้เพื่อป้องกันตัว ตนไม่ได้ปาแจกันใส่ยาย ไม่ได้ทำร้ายยาย แต่ตนยอมรับที่ตนทำช้าง ส่วนเรื่องของยายตนไม่ได้ทำ ถ้าตนปาแจกันจริงป่านนี้แจกันแตกไปหมดแล้ว ซึ่งตนก็มีพยานทั้ง 2 คน ทั้งนิติและเพื่อนที่มากับตนด้วย เรื่องที่ยายนิ้วหักตนไม่ทราบเพราะตอนเกิดเหตุยายนั่งอยู่บนเตียงไม่ได้ลุกขึ้นมาห้ามหรือลึกออกจากเตียง ที่เขามาอ้างว่าตนปาแจกันแล้วยายเอามือเข้ามาบังจนนิ้วหักไม่เป็นความจริง ตนจึงเดินทางมาพบกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตามหมายเรียก ตนพร้อมให้ปากคำ และพูดความจริง ตนโตแล้วและมีเหตุผลไม่เนรคุณถึงขั้นทำร้ายร่างกายของยายที่เลี้ยงตนมาตั้งแต่เด็กๆ และเรื่องที่เขาหาว่าตนแค้นเรื่องการเลี้ยงดูตอนเล็กไม่ดี เป็นความจริงที่ตนถูกกระทำ มา ซึ่งน้าเป็นคนเลี้ยงตนมาให้แข็งแกร่ง ตามที่เขาอยากให้เป็น ส่วนเรื่องคดีตนให้ดำเนินเรื่องตามกฏหมาย แต่ตนจะปฏิเสธเรื่องที่ทำร้ายร่างกาย และไม่ได้บุกรุกไป เขาเป็นคนเปิดประตูให้เอง ตนจะยอมรับเรื่องที่ทำร้ายร่างกายน้องช้างเพียงอย่างเดียว ส่วนอาวุธปืนที่ตนถ่ายรูปลงเฟสบุ๊ค เป็นปืนที่ตนเช่าเวลาไปซ้อมที่สนามยิงปืน และมีปืนปลอมที่เคยถ่ายคู่กันไว้เป็นรูปที่ถ่ายละครมา ตนไม่มีอาวุธปืนพกติดตัว ตนตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินอย่างเดียว ตอนนี้ทำอาชีพเป็นหัวหน้าทีมชุดบอดี้การ์ดรับจ้าง และเปิดร้านขายกุ้งเผา ตนไม่อยากมีเรื่องกัลพวกเขาแล้ว และยืนยันว่าจะไม่เข้าไปยุ่งให้ต่างคนต่างอยู่ และจะไม่มีการขอโทษน้องช้าง แต่ตนจะกราบขอโทษยายเอง ส่วนเรื่องพ่อของตนเขาไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ทางเขาไม่ควรเอาพ่อตนมาอ้าง และเขายังอ้างผู้มีอิทธิพลในพื้นที่สมุทรปราการหรือ ส.ปากน้ำ เป็นแบล๊คให้ตน ซึ่งไม่ใช่อย่างที่เขาบอก ตนแค่ทำงานและรู้จักคุ้นเคยนับถือเป็นพี่น้องเพียงเท่านั้น เบื้องต้นทาง ดร.แก้ว ได้มีการพูดคุยกับนายเสือฯ ได้มีการสอบถามเหตุการณ์วันเกิดเหตุ และสอบถามเรื่องอาวุธปืน เรื่องของการโพสต์เฟสบุ๊คข่มขู่ จึงขอความร่วมมือกับทางนายเสือ ให้เลิกแล้วต่อกัน ไม่อาฆาตแค้นหรือจะเข้าไปทำร้ายร่างกายทางบ้านซ้ำ ส่วนในเรื่องของคดีความให้เป็นไปตามกฏหมายที่ทางผู้เสียเข้ามาแจ้งความไว้








