ชาววาปีปทุมบุก DSI แจ้งเอาผิด ส.ฌาปนกิจฯเบี้ยวค่าทำศพกว่า 1,400 ลบ.
ชาวบ้าน อ.วาปีปทุม กว่า 100 คน เข้าร้องอธิบดีดีเอสไอ ตรวจสอบสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ไม่จ่ายเงินค่าทำศพตามสัญญา เสียหายกว่า 1,400 ล้านบาท
วันนี้ (29 พ.ค.) เวลา 10.30 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายสิริ เอกโชติ ทนายความของสมาคมนักกฎหมายคุ้มครองสิทธิและสิ่งแวดล้อม (LEPA) พร้อม นายบัญชา จันทร์สุวรรณ ตัวแทนใน อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม และในฐานะที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ประจำคณะกรรมาธิการการกฎหมายและการยุติธรรม วุฒิสภา และ ชาวบ้านจาก อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม กว่า 100 ราย เข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือจาก พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร้องขอให้ตรวจสอบสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์อำเภอวาปีปทุม และกองทุนสวัสดิการสงเคราะห์วาปีปทุม กรณีถูกเบี้ยวเงินค่าทำศพกว่า 1,400 ล้านบาท โดยมี น.ส.อรุณศรี วิชชาวุธ ผอ.กองบริหารคดีพิเศษ เป็นผู้แทนรับเรื่อง
นายบัญชา เผยว่า สมาคมฯ เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2550 มีสมาชิกทั่วประเทศประมาณ 45,000 คน มีข้อกำหนดว่า ถ้าจะเป็นสมาชิกกับทางสมาคมจะต้องเสียค่าสมัคร ตั้งแต่ 2,000 บาท จนถึง 30,000 บาท ขึ้นอยู่กับอายุของผู้สมัคร โดยสมาชิกจะต้องส่งเงินเดือนๆ ละ 400 บาท 2 บัญชี คือ บัญชีกองทุนเงินสะสม ซึ่งจะได้เงินคืนก็ต่อเมื่อสมาชิกเสียชีวิตแต่จะไม่ได้ดอกเบี้ยหรือเงินปันผล และ บัญชีกองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์ ซึ่งจะได้เงินสงเคราะห์จำนวน 200,000 บาท หากสมาชิกเสียชีวิต โดยต้องส่งเงินต่อเนื่องจนกว่าสมาชิกเสียชีวิต แต่หากสมาชิกส่งเงินได้ไม่ถึง 1 ปี ก็จะไม่ได้รับเงินฌาปนกิจสงเคราะห์ จะได้เพียงเงินกองทุนสะสมคืนเท่านั้น
นายบัญชา เผยอีกว่า จนกระทั่งปี 2563 พอมีสมาชิกเสียชีวิต ทางญาติได้ประสานเพื่อขอรับเงินกองทุน ก็ได้เงินช้าบ้าง ไม่ได้บ้าง มีสมาชิกที่ไม่ได้เงินกองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์ 4,800 คน มูลค่ากว่า 1,400 ล้านบาท เมื่อสมาชิกรายอื่นเห็นว่าสมาชิกที่เสียชีวิตไม่ได้เงินตามที่ตกลงก็อยากจะได้เงินคืน อีกทั้งทางสมาคมฯ ไม่สามารถชี้แจงได้ว่าเงินที่สมาชิกส่งให้นั้นไปเก็บไว้ที่ใด หรือเข้าบัญชีธนาคารใด
“จากนั้นเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2566 ผู้เสียหายกว่า 200 คน ก็ได้รวมตัวไปแจ้งความที่ สภ.วาปีปทุม เพื่อดำเนินคดีกับสมาคมฯ และกรรมการของทางสมาคมฯ ซึ่งมี 10 กว่าคน ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการบำนาญซึ่งมีความน่าเชื่อถือ จนกระทั่งเดือนพฤศจิกายน ปี 2566 นายทะเบียนก็ได้สั่งให้ทางสมาคมฯหยุดดำเนินการ”
นายบัญชา กล่าวเพิ่มเติมว่า ต่อมา ทางพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานส่งให้พนักงานอัยการสั่งฟ้อง จนกระทั่ง เดือนเมษายนปี 2568 พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้อง โดยให้เหตุผลว่า เป็นการบริหารงานผิดพลาดของสมาคมฯ เอง ไม่ได้มีเจตนาฉ้อโกง ทำให้สมาชิกรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร จึงรวมตัวเดินทางมาร้องเรียนกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ เพราะมีผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก
