ตามรวบหนุ่มหื่น คดีโทรมเด็กหญิงวัยเพียง 8 ขวบ ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป., พ.ต.ท.สมเดช สาระบรรณ์, พ.ต.ท.อภิชน ขันกา, พ.ต.ท.พชรเดช บุญฤทธิ์, พ.ต.ท.กฤษฎา พลายละหาร และ พ.ต.ท.รัฐวิรุฬห์ จันทสุบรรณ รอง ผกก.1 บก.ป. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.เดชวุฒิ อุตรศาสตร์ สว.กก.1 บก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป. ร่วมกันจับกุม นายไพวรรณฯ อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 400/2563 ลง 14 ส.ค.63 คดีหมายเลขดำที่ อ 1182/2560 คดีหมายเลขแดงที่ อ 3309/2560 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ความผิดที่เกี่ยวกับการข่มขืนกระทำชำเรา, ความผิดเกี่ยวกับการอนาจาร, ความผิดต่อเสรีภาพ” สถานที่จับกุม หน้าบ้านหลังหนึ่ง แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร สืบเนื่องจากก่อนเกิดเหตุ ผู้เสียหาย ได้ฝากบุตรสาวของตนคือ ด.ญ.บี (นามสมมติ) อายุ 8 ปีพร้อมกับน้องอีก 2 คน ไว้กับ มารดาของตน (ซึ่งมีศักดิ์เป็นยายของเด็กๆ) ซึ่งพักอาศัยร่วมอยู่กับนายจำปีฯ สามีใหม่ของมารดาซึ่งนายจำปีฯ มีลูกติดมาด้วย 1 คน คือ นายไพวรรณฯ ผู้ต้องหารายนี้ ซึ่ง 2 พ่อลูกดังกล่าว มักจะหาโอกาสที่จะกระทำล่วงละเมิดทางเพศกับ ด.ญ.บี (นามสมมติ) อยู่เป็นประจำ ต่อมาเมื่อเพื่อนบ้านทราบเรื่องที่ ด.ญ.บี (นามสมมติ) ถูกกระทำชำเรา ทนไม่ไหวจึงพาแม่และเด็กเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี จากการสอบสวนพบการกระทำความผิดของทั้ง 2 พ่อ ลูก ดังนี้ เมื่อประมาณกลางเดือนกันยายน 2557 ขณะ ด.ญ.บี (นามสมมติ) ผู้เสียหาย อายุ 8 ปีกับน้องสาวกำลังเล่นซ่อนหาอยู่ภายในบ้านพักที่เกิดเหตุ นายไพวรรณฯ ได้ทำทีมาขอเล่นด้วยและจับ ด.ญ.บี (นามสมมติ)เข้าไปภายในห้องปิดประตูก่อนจะลงมือกระทำชำเรา น้องสาวพยายามตะโกนเรียก ไม่ได้ยินเสียงตอบ จึงแอบดูและเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว ต่อมาเมื่อประมาณต้นเดือนพฤศจิกายน 2557 นายจำปีฯ เรียกให้ ด.ญ.บี (นามสมมติ) เข้าไปในห้องแล้วจับมัดแขนขา ก่อนจะลงมือข่มขืน ด.ญ.บี (นามสมมติ) ต่อมาในวันที่ 5 ธันวาคม 2557 นายจำปี พร้อมด้วยนายไพวรรณฯ ได้ชักชวนเพื่อนอีก 2 คน มาร่วมข่มขืนกระทำชำเรา ด.ญ.บี (นามสมมติ) โดยผลัดเปลี่ยนกันข่มขืนกระทำชำเรา ต่อมาประมาณ กลางเดือนธันวาคม 2557 ผู้เป็นยายของเด็ก ได้ออกไปธุระข้างนอก นายจำปีฯ ได้ไล่ให้น้องทั้ง 2 คน ของ ด.ญ.บี(นามสมมติ) ออกไปเล่นนอกบ้าน จากนั้นก็กักตัว ด.ญ.บี (นามสมมติ)ไว้ภายในบ้าน ปิดประตู ปิดไฟ ปิดผ้าม่าน น้องทั้ง 2 จึงวิ่งไปตามยาย เมื่อยายมาถึง ได้เปิดประตูเข้าไปเห็นนายจำปีฯ กำลังกระทำชำเราด.ญ.บี (นามสมมติ) จึงตะโกนด่านายจำปี และช่วยด.ญ.บี (นามสมมติ)ไว้ได้ ต่อมา นายจำปีฯ ย้ายไปอยู่ที่อื่น ซึ่งระหว่างนั้น ด.ญ.บี (นามสมมติ)เองก็ย้ายไปอยู่กับญาติที่อื่นช่วงระยะเวลาหนึ่ง ต่อมา ด.ญ.บี (นามสมมติ) ได้เล่าเรื่องราวที่ถูกกลุ่มผู้ต้องหาข่มขืนกระทำชำเราให้เพื่อนบ้านพลเมืองดีฟังจนทนกันไม่ไหว จึงเป็นที่มาของการพามารดาและเด็กเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี ต่อมาเมื่อ นายจำปีฯ ได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา แต่นายจำปี ฯ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และอ้างว่า ด.ญ.บี (นามสมมติ) เป็นผู้เริ่มก่อน สุดท้ายถูกศาลจังหวัดนนทบุรีพิพากษา จำคุก 18 ปี ปัจจุบันถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ ส่วนนายไพวรรณฯ ลูกชายนายจำปี ฯ หลังเกิดเหตุได้หลบหนีไปทำงานอยู่ที่จังหวัดราชบุรี กระทั่งมาถูกจับกุมตัวได้ในที่สุดก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่นายไพวรรณฯ ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ซึ่งศาลชั้นต้นได้ตัดสินลงโทษจำคุกนายไพวรรณฯ 16 ปี นายไพวรรณ ฯ ได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์สู้คดีต่อศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จึงมีคำพิพากษาลดโทษนายไพวรรณฯ เหลือโทษ จำคุกเพียง 2 ปี หลังจากมีการรับโทษครบกำหนด 2 ปี นายไพวรรณฯ จึงได้ถูกปล่อยตัวออกมาจากเรือนจำ กระทั่งต่อมาศาลฎีกาได้พิจารณาแก้โทษนายไพวรรณฯ ให้รับโทษเพิ่มขึ้นเป็นจำคุก 3 ปี 8 เดือน จึงให้ออกหมายจับจำเลยคือ นายไพวรรณฯ มาบังคับโทษตามคำพิพากษา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป.จึงได้วางแผนสืบสวนติดตามจับกุม จนทราบว่า นายไพวรรณฯ ได้หลบหนีมาทำงานและมากบดานอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งบริเวณถนนเจริญราษฎร์ แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังเข้าจับกุมนายไพวรรณ ฯ ผู้ต้องหารายนี้ ก่อนนำตัวส่งศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธข้อหาความผิดเกี่ยวกับการข่มขืนกระทำชำเราแต่ยอมรับข้อหาความผิดเกี่ยวกับอนาจาร, ความผิดต่อเสรีภาพ