ปอท.เปิดปฏิบัติการ “The Scam เงินแท้ คนเก๊”
รวบ 19 คนไทยขายชาติ รับจ้างกดเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยึดทรัพย์รวม 6.6 ล้านบาท
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท., พ.ต.อ.ประดิษฐ์ เปการี, พ.ต.อ.วัชรพันธ์ ศิริพากย์, พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.ชิษณุพงศ์ ไหวดี ผกก.3 บก.ปอท., พ.ต.ท.สัญญา นิลนพคุณ, พ.ต.ท.เสริมศักดิ์ น้อยหัวหาด, พ.ต.ท.อิสรพงศ์ ทิพย์อาภากุล รอง ผกก.3 บก.ปอท.
เจ้าพนักงานตำรวจ กก.3 บก.ปอท. นำโดย พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ พุ่มพวง , พ.ต.ท.ชัยณรงค์ จอมเล็ก, พ.ต.ท.หญิง ภาพิมล ชัยขันธ์, พ.ต.ท.ประดิษฐ์ สุวรรณดี, พ.ต.ท.ประทีป จันทร์เพชรบุรี, สว.กก.3 บก.ปอท. พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอท. , บก.ป., บก.ปคม., บก.ทล. และ บก.รน.
สืบเนื่องจาก ได้รับมอบหมายจากศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (CIB AOC) ให้สืบสวนกรณีมีผู้เสียหายจากการถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สายที่ 1 อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ มีพัสดุมาส่ง จากนั้นได้ให้หมายเลขโทรศัพท์ของผู้ส่ง (สายที่ 2) เมื่อผู้เสียหายโทรกลับไป อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กองคลัง โดยให้ทำตามขั้นตอนที่คนร้ายสั่ง อ้างเพื่อเพิ่มเงินบำนาญ โดยได้หลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินครั้งแรกจำนวน 720,000 บาท และต่อมาได้มีสายที่ 3 โทรเข้ามาหาผู้เสียหาย อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารแจ้งว่าการทำธุรกรรมที่ได้ทำไปก่อนหน้านั้นผู้เสียหายถูกมิจฉาชีพหลอก เป็นเหตุให้ต้องระงับบัญชี และให้ทำตามขั้นตอนจากธนาคารแทน ผู้เสียหายหลงเชื่อ ทำให้ต้องโอนเงินไปอีกเป็นจำนวน 6 ครั้ง แต่มาทราบภายหลังว่าสุดท้ายเป็นการโอนเงินออกจากบัญชีทุกบัญชีของตนเองไปยังบัญชีของคนร้าย รวมความเสียหายทั้งหมด 3,942,767 บาท
พฤติการณ์ดังกล่าว ผู้ต้องหาในคดีนี้ ได้ร่วมกันกระทำความผิดเป็นกระบวนการ ในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ ในความผิดฐาน “ร่วมกันเป็นอั้งยี่ ,ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ,โดยทุจริตหรือหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดวามเสียหายแก่ประชาชน ,สมคบโดยการตกลงตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน”
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอท. จึงได้ทำการสืบสวนพิสูจน์ทราบข้อมูล และนำไปสู่การเปิดปฏิบัติการ The Scam เงินแท้ คนเก๊ จับกุม 19 คนไทยขายชาติ รับจ้างกดเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยึดทรัพย์กว่า 6.6 ล้านบาท โดยมีการตรวจค้นจับกุมในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี เชียงราย และนครปฐม
ผลการปฏิบัติ สรุปได้ดังนี้
1. ผลการปฏิบัติต่อเป้าหมายที่เป็นสถานที่ต้องสงสัย มีทั้งหมด 6 จุด ได้แก่
1.1 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 1 จุด
1.2 ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี 1 จุด
1.3 ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย 1 จุด
1.4 ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม 3 จุด
2. ผลการปฏิบัติต่อเป้าหมายที่เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 19 ราย
2.1 เป็นกลุ่มบัญชีม้า จำนวน 6 ราย ได้แก่
1.น.ส.บุญตา ฯ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 2444/2568
2.น.ส.บังอร ฯ อายุ 51 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 2445/2568
3.นายอัฐฤทธิ์ ฯ อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 2443/2568
4.นายพงศกร ฯ อายุ 56 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 2446/2568
5.นายไกรสร ฯ อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 2460/2568
6.น.ส.กัญญา ฯ อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 2452/2568
2.2 เป็นกลุ่มแก๊งถอนเงิน ใน จ.ปทุมธานี จำนวน 4 ราย ได้แก่
1.น.ส.นัฐกานต์ ฯ อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 2442/2568
2.นายภูวดล ฯ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 2447/2568
3.นายฐานพัฒน์ ฯ อายุ 53 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 2448/2568
4.นางณัฏฐ์ณมนฑ์ ฯ อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาหมายจับ ศาลอาญา ที่ 2449/2568
2.3 เป็นกลุ่มแก๊งถอนเงิน ใน จ.เชียงราย จำนวน 5 ราย ได้แก่
1.น.ส.สุธิภรณ์ ฯ อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 2450/2568
2.นายเดชากิต ฯ อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 2451/2568
3.นายทวีโชค ฯ อายุ 18 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 2458/2568
4.นายสมบัติ ฯ อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 2457/2568
5.ด.ญ.มาลิสา ฯ อายุ 14 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 2456/2568
2.4 เป็นกลุ่มแก๊งถอนเงิน ใน จ.นครปฐม จำนวน 4 ราย ได้แก่
1.นายสุขสันต์ ฯ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 2453/2568
2.นายธนกร ฯ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 2454/2568
3.นายสุรเดช ฯ อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 2455/2568
4.นายชาติชาย ฯ อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 2596/2568
3. ผลการดำเนินการต่อเป้าหมายที่เป็นทรัพย์สิน จากการเข้าปฏิบัติมีดังนี้
ตรวจยึดทรัพย์สินทั้งหมด 30 รายการ มูลค่ารวม 6,600,000 บาท
แยกตามประเภทได้ดังนี้
3.1 รถยนต์ จำนวน 5 คัน มูลค่ารวม 4,000,000 บาท
3.2 รถจักยานยนต์ จำนวน 2 คัน
3.2 โทรศัพท์มือถือ จำนวน 12 เครื่อง
3.3 เงินสดจำนวน 145,000.บาท
3.4 สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 6 เล่ม
3.5 อายัดเงินในบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้อง รวม 2,400,000 บาท
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น
ผู้ต้องหาทั้ง 3 แก๊งที่ทำหน้าที่ถอนเงิน ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การดังนี้
1. แก๊งถอนเงิน จ.ปทุมธานี รับว่า ได้รับว่าจ้างจากชาวกัมพูชา ในการหาบัญชีม้า และกดเงินสด จากบัญชีม้า โดยจะต้องรีบกดเงินสดจากบัญชีภายใน 20 นาทีหลังจากมีเงินเข้า ได้รับค่าตอบแทน 4% ของยอดเงินที่กดเงินสดได้ จากนั้นจะนำเงินไปฝากเข้าบัญชีธนาคาร ชื่อบัญชีชาวกัมพูชาต่อไป
2. แก๊งถอนเงิน จ.เชียงราย รับว่า ได้รับจ้างจากชายชาวที่ราบสูง ในจังหวัดเชียงราย ให้หาบัญชีม้า และกดเงินสด จากบัญชีม้า โดยจะต้องรีบกดเงินสดจากบัญชีภายใน 20 นาทีหลังจากมีเงินเข้า ได้รับค่าตอบแทน 2-4% ของยอดเงินที่กดเงินสดได้ จากนั้นจะนำเงินสดไปส่งต่อให้กับคนที่ขายเหรียญ USDT ชาวเมียนมาร์ ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย
3. แก๊งถอนเงิน จ.นครปฐม รับว่า ได้รับว่าจ้างจากชาวกัมพูชา ในการหาบัญชีม้า และกดเงินสด จากบัญชีม้า โดยจะต้องรีบกดเงินสดจากบัญชีภายใน 20 นาทีหลังจากมีเงินเข้า ได้รับค่าตอบแทน 2-4% ของยอดเงินที่กดเงินสดได้ จากนั้นจะนำเงินไปฝากเข้าบัญชีธนาคาร ชื่อบัญชีชาวกัมพูชาต่อไป
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะสืบสวนขยายผลเพื่อจับกุมผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดต่อไป
เตือนภัย ผู้เสียหายในคดีนี้ เริ่มจากได้รับสายจากคนร้ายที่อ้างว่าเป็นคนส่งไปรษณีย์ หรือส่งพัสดุ (สาย1) ก่อนจะให้ติดต่อไปยังผู้ส่ง และเมื่อติดต่อไปตามเบอร์ที่แจ้งคนร้ายได้อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กองคลังจะเพิ่มเงินให้กับผู้เสียหาย (สาย2) เมื่อหลงเชื่อถูกหลอกให้โอนเงินครั้งแรกไปแล้ว จึงมีคนร้ายอีกคนโทรเข้ามาหาผู้เสียหาย อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร (สาย3) หลอกลวงผู้เสียหายซ้ำโดยนำข้อมูลจากที่ผู้เสียหายโอนเงินให้กับสาย 2 มาหลอกผู้เสียหายจนหลงเชื่อโอนเงินไปอีกหลายครั้ง ดังนั้นเมื่อ มีเบอร์โทรศัพท์แปลกๆโทรเข้ามา ไม่ว่าจะแจ้งว่าเป็น ไปรษณีย์, คนส่งพัสดุ, เจ้าหน้าที่ธนาคาร, เจ้าหน้าที่เครือข่ายโทรศัพท์ หรือ เจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐต่างๆ และแจ้งข้อมูล ชื่อ หรือ เลขบัตรประจำตัวประชาชน ของท่านถูกต้องก็ตาม ไม่ควรหลงเชื่อ รวมถึงกรณีที่มีสายโทรเข้าอ้างว่าท่านเคยไปเปิดบัญชีธนาคาร หรือ เคยไปเปิดซิมโทรศัพท์ต่างๆ ควรวางสายทันทีเพื่อตัดโอกาสที่คนร้ายจะหลอกลวงต่อไป และหลังจากนั้นให้นำข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ต่างๆที่โทรเข้ามา ไปปรึกษากับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สถานีตำรวจใกล้บ้าน เพื่อสืบสวนเพื่อเตรียมดำเนินการตามกฎหมายต่อไป