รวบขบวนการขนแรงงานต่างด้าว เหิมเกริม เรียกพวกใช้รถอีกคันเบียดรถตำรวจหวังเปิดทางหนี กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้ การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล., พ.ต.อ.โอฬาร เอี่ยมประภาส รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม รอง ผบก.บก.ทล. และ พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป. ช่วยราชการ รอง ผบก.บก.ทล. กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง นำโดย พ.ต.อ.ภคพล สุชล ผกก.2 บก.ทล., พ.ต.ท.อุดมศักดิ์ สุวรรณแสง รอง ผกก.2 บก.ทล., พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ งามแฉ่ง รอง ผกก.2 บก.ทล., พ.ต.ต.โจ เสาร์ประโคน สว.ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล. โดยมี ร.ต.อ.พินัย บุญรัตน์ รอง สว.ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล., ร.ต.ท.กุศล ยะฝั้น, ร.ต.ท.นิกร สีเมือง, ร.ต.ต.พีรธรรม หนูนุรัตน์ รอง สว.(ป.) ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล., ด.ต.อาทิตย์ พูลโพธิ์ทอง, จ.ส.ต.นพดล สีนวล, จ.ส.ต.นิติศิริ หลวงอภัย, จ.ส.ต.อภิสิทธิ์ ชูสุข, จ.ส.ต.สิทธานต์ ชุนหวานิช, จ.ส.ต.ภาคิณ คูณสิทธิกุล, ส.ต.อ.ปฏิพล ประสพกาญจน์ ผบ.หมู่ ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล. เปิดปฏิบัติการจับกุม แรงงานข้ามชาติจำนวน 15 ราย และจับกุมรถยนต์ผู้ร่วมขบวนการอีก 1 ราย ที่คอยช่วยเหลือเพื่อให้หลุดพ้นจากการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา รวมทั้งสิ้นจำนวน 16 ราย 1. จับกุมบุคคลต่างด้าวจำนวน 15 ราย ในข้อหา “เป็นบุคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต” 2. จับกุมนายศรชัยฯ อายุ 31 ปี ในข้อหา – ร่วมกันช่วยเหลือซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ ให้บุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย – ร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ จนเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของ ทางราชการเสียหาย – เป็นผู้ขับขี่เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย – เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย – ขับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น – ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานจราจรให้หยุดรถซึ่งผู้ขับขี่ได้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายการจราจรทางบกหรือกฎหมายอันเกี่ยวกับรถนั้นฯ ซึ่งนายศรชัยฯ เป็นตัวการร่วมขบวนการที่คอยช่วยเหลือผู้ลักลอบขนแรงงานข้ามชาติให้พ้นจากการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการตรวจยึดของกลางดังนี้ 1. รถยนต์กระบะ ยี่ห้อมิซูบิชิ รุ่น ไทรตั้น สีเทา ฉะเชิงเทรา (บรรทุกแรงงานต่างด้าว ซึ่งผู้ขับขี่ได้ทำการหลบหนี อยู่ระหว่างการสืบสวน จับกุม) 2. รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นรีโว สีดำ กทม. (ใช้ในการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการจับกุมขบวนการลักลอบขนแรงงานข้ามชาติ) 3. โทรศัพท์มือถือ ของนายศรชัยฯ จำนวน 1 เครื่อง ที่ใช้ในการติดต่อประสานงานในขบวนการลักลอบ ขนแรงงานข้ามชาติ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล. ได้มีการสืบทราบว่า จะมีขบวนการนำพาหรือช่วยเหลือบุคคลแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายโดยเดินทางมาจาก ต.บ้องตี้ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี จึงได้นำเรียนผู้บังคับบัญชาทราบ โดย พ.ต.ท.โจ เสาร์ประโคน สว.ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล. ออกปฏิบัติหน้าที่ จนกระทั่ง ได้พบรถยนต์ต้องสงสัย ยี่ห้อมิซูบิชิ รุ่น ไทรตั้น สีเทา ฉะเชิงเทรา ที่บริเวณ สามแยกบ้านเก่าบนถนน ทล.3229 ท่าทางมีพิรุธจึงได้เปิดไฟ และแสดงตัวให้รถยนต์คันดังกล่าวหยุดรถ ผลปรากฏกว่ารถยนต์คันดังกล่าวได้เร่งเครื่องหลบหนีไปยังถนนทางหลวงชนบท 4023 จนกระทั่งมีรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นรีโว สีดำ กทม. ได้ขับขี่เข้ามาเบียดบังเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง เพื่อขัดขวางไม่ให้ติดตามรถยนต์มิตซูบิชิคันดังกล่าว จากนั้นรถทั้งสองคันมุ่งหน้าไปยังถนน 323 กม.ที่ 66 โดยเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุดปฏิบัติการ เพื่อไล่ล่าจับกุมรถทั้ง 2 คัน ชุดปฏิบัติการที่ 1 โดยรถวิทยุ 2601 และ 2616 ได้ติดตามรถยนต์ยี่ห้อ มิซูบิชิ รุ่น ไทรตั้น สีเทา ฉะเชิงเทรา ไปอย่างกระชั้นชิดโดยใช้ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร จนเมื่อไปถึงถนนภายในหมู่บ้านห่งหนึ่ง ม.7 อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี รถยนต์คันดังกล่าวได้มีการเฉี่ยวชนกับรถวิทยุ 2601 ได้รับความเสียหาย และ รถคันดังกล่าวยางแตกเสียหลักตกข้างลงทาง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าทำการตรวจสอบพบว่าคนขับรถยนต์คันดังกล่าวได้วิ่งหลบหนีไปในป่าอ้อยข้างทาง จากการตรวจสอบพบชายหญิงชาวเมียนมาจำนวน 15 คน ชาย 10 คน หญิง 4 คน และผู้ติดตาม 1 คน นั่งมาในเก๋งและกระบะด้านท้ายจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอเข้าทำการตรวจสอบ ซึ่งก่อนทำการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายได้แสดงความบริสุทธ์ใจให้ (ผู้ต้องหา 1-14) ดูจนเป็นที่พอใจ จึงได้ตรวจค้นตัวไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย และได้ทำการ ตรวจค้นภายในรถยนต์คันดังกล่าว ปรากฏว่าพบผู้ต้องหา (ผู้ต้องหาที่ 1-14) และมีผู้ติดตามผู้ต้องหาที่ 14 อีกจำนวน 1 คน นั่งอยู่ภายในรถบริเวณด้านหน้าและที่นั่งด้านหลังกระบะผู้ขับขี่ภายในรถยนต์คันดังกล่าว จึงได้ให้ผู้ต้องหาที่ 1-14 พร้อมผู้ติดตาม 1 คน แสดงเอกสารหลักฐานประจำตัว จากการตรวจสอบไม่พบเอกสารยืนยันตัวตนที่ราชการออกให้ สอบถามผู้ต้องหาที่ 1-14 และ ไม่สามารถสื่อสารหรือพูดภาษาไทยได้ ชุดปฏิบัติการที่ 2 โดยรถวิทยุ 2603 ,2617 ,2623 ได้ติดตามบรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้อโตโยต้า สีดำ กทม. เข้ามากีดขวางการไล่สกัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงต้องแบ่งกำลังเป็น สองส่วนเพิ่มเข้าสกัดจับรถยนต์คันดังกล่าว โดยเริ่มไล่ล่าจับกุมที่ถนนทางหลวงชนบทหมายเลข กจ.4023 ต.บ้านเก่า อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี (เส้นทางเข้าวัดแห่งหนึ่ง) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ขับขี่ติดตามรถยนต์คันดังกล่าวในระยะประชิด และได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยให้สัญญาณเจ้าพนักงานจราจร ด้วยการเปิดสัญญาณไฟไซเรน และใช้สัญญาณเสียงรวมถึงการพูดออกคำสั่งผ่านไมโครโฟน เพื่อให้รถคันดังกล่าวจอดและจะได้ทำการตรวจค้น แต่เมื่อรถคันดังกล่าวพบเห็นรถยนต์ตรวจการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจขับติดตามมาและได้เห็นสัญญาณไฟรวมถึงได้ยินเสียงคำสั่งเจ้าหน้าที่สั่งให้หยุดรถ จึงได้ขับหลบหนีด้วยการเพิ่มความเร็ว ซึ่งในระหว่างทางรถยนต์คันดังกล่าวได้ขับขี่หลบหนีด้วยความเร็วสูง มีการแซงปาดซ้ายปาดขวา และขับฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรสีแดง รถคันอื่นมีการเปลี่ยนช่องทางเดินรถกะทันหันเป็นการขับขี่รถโดยประมาทหรือ น่าหวาดเสียวไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่นเป็นการกระทำที่สร้างความวุ่นวายและตื่นตระหนกตกใจขึ้นในที่สาธารณะรวมถึงอาจทำให้สุจริตชนได้รับอันตรายจากการกระทำของตน จากนั้นเมื่อมาถึงบริเวณถนนหลักเมือง ต.บ้านเหนือ อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี รถยนต์คันดังกล่าวได้พยาพยามจะขับขี่ชนรถวิทยุตรวจการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงเพื่อเปิดทางหนี แต่ภายหลังรถยนต์ คันดังกล่าวได้หยุดรถ บริเวณถนนหลักเมือง ต.บ้านเหนือ อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี เนื่องจากถูกติดตามโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง และไม่สามารถหลบหนีต่อไปได้อีก รวมระยะทางการไล่สกัดติดตามจับกุม และระยะทางที่มีการขับขี่รถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียวไม่คำนึงถึงความปลอดภัย เป็นระยะทาง 38 กิโลเมตร จึงได้ทำการตรวจค้นตัว นายศรชัยฯ ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย แต่นายศรชัยฯ รับว่าได้เสพยาบ้ามา จำนวน 2 เม็ด ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้น/จับกุม จึงได้เชิญตัวนายศรชัยฯ มาที่สถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรีและดำเนินคดีต่อไป สรุปการปฏิบัติการในครั้งนี้สามารถจับกุมแรงต่างด้าว และผู้ร่วมขบวนการให้การช่วยเหลือได้ และจะดำเนินการสืบสวน ขยายผล เพื่อทะลายขบวนการลักลอบขนแรงงานข้ามชาติรายอื่นๆ ต่อไป “การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชน ให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้าง ทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ดังนั้น สำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น”