นนทบุรี กล้องหน้ารถ หนุ่มลาวเสียหลักพุ่งชนท้ายรถเฮี๊ยบ 10 ล้อ ขณะจอดติดตั้งเสาไฟฟ้า ดับคาที่
เมื่อเวลา 15.45 น. วันที่ 11 พ.ค. 68 เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บางบัวทอง ได้รับแจ้งเหตุ รถจยย.พุ่งชนท้ายรถเฮี๊ยบ 10 ล้อ มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดบริเวณถนน 340 ต.ละหาร อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี จึงพร้อมด้วยแพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูรีบรุดตรวจสอบ
ภาพจากกล้องหน้ารถของพลเมืองดีที่จอดใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ บันทึกเหตุการณ์ วันที่ 11 พ.ค. 68 เวลา 16.26 น. จับภาพผู้เสียชีวิตขับขี่รถจยย.ตีคู่กันมากับรถตู้สาธารณะก่อนจะพุ่งชนท้ายรถเฮี๊ยบ 10 ล้อ เสียชีวิต *** ภาพกล้องวงจรปิดไม่เห็นขณะชน มีรถคันข้างหน้าบังอยู่***
ที่เกิดเหตุเป็นถนน 2 เลน ช่องทางคู่ขนาน (ขาเข้า) มุ่งหน้าถนนกาญจนาภิเษก พบผู้เสียชีวิต ทราบชื่อคือนาย KHOA INTHAVONG อายุ 32 ปี สัญชาติลาว สวมเสื้อยืดสีขาว ใส่เสื้อคลุมสีน้ำตาลแขนสีขาวทับอยู่ด้านนอก สวมกางเกงยีนส์ขายาว สะพายกระเป๋าข้าง พบโทรศัพท์มือถือหน้าจอแตกอยู่บริเวณข้างลำตัว นอนหงายเสียชีวิต มีคราบเลือดติดใบหน้าด้านซ้าย และกองเลือดขนาดใหญ่อยู่ด้านข้าง ใกล้กันพบรถจยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นคลิก สีดำ-เทา หมายเลขทะเบียน วมล 955 กทม. พลิกคว่ำอยู่ ถัดไปเล็กน้อยพบรถเฮี๊ยบ 10 ล้อ ยี่ห้อมิตซูบิชิ สีเหลือง หมายเลขทะเบียน 85-9401 กทม. ของบริษัท กิจการร่วมการค้า ซี.ดี.ลัค. จำกัด (ผู้รับจ้างทำการก่อสร้างของกรมทางหลวง) ซึ่งจอดติดตั้งเสาไฟส่องสว่างอยู่ข้างทาง ขณะที่คนขับและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ จำนวน 6 คน รอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในที่เกิดเหตุ
นายธนดุล แก้วธิ อายุ 59 ปี อาชีพช่างไฟฟ้า (คนโบกท้ายรถเฮี๊ยบ) กล่าวว่า เราจอดรถติดตั้งเสาไฟฟ้าแสงสว่างของบริษัทฯ ประกอบกิ่งเสาไฟฟ้า โคมไฟ ปกติเวลาจอดจะชิดไหล่ทาง แต่ตรงนี้มีรถคันอื่นจอดชิดไหล่ทางค่อนข้างเยอะ คนขับจึงขยับไปด้านหน้า และเปิดไฟฉุกเฉินเพื่อขอทางมาตลอด ซึ่งมีคนขับบังคับเครน และตนเป็นคนโบกรถ จังหวะนั้นแดดมันร้อนตนจึงก้มหน้าลงเช็ดเหงื่อ เงยหน้ามาอีกทีเห็นคนขับรถจยย.เสียชีวิตแล้ว จากที่ดูกล้องหน้ารถ คนขับขี่รถจยย.ขับตีคู่มากับรถตู้สาธารณะ และคาดว่าแซงไม่พ้นจึงพุ่งชนอย่างแรง ทำให้เกิดเหตุ ตนจึงรีบโทรแจ้ง 1669 ก่อนที่กู้ภัยจะมาที่เกิดเหตุ จากที่ดูน่าจะเสียชีวิตคาที่เพราะบริเวณถนนไม่มีร่องรอยเบรกเลย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ และจะตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป