นนทบุรี วงจรปิด “สุขสันต์ วันสว่าง” ร้องทนายถูกคนเมาชนรถพังซ่อมกว่า 3 แสน ไร้คนรับผิดชอบ เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 68 ที่สำนักงานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ถ.แจ้งวัฒนะ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายสุขสันต์ วันสว่าง อายุ 62 ปี (ผู้เสียหาย) ศิลปินนักร้องรางวัลพระพิฆเนศทองคำ พระราชทานจากสมเด็จพระเทพฯ พร้อมด้วยน.ส.พัชราภรณ์ เผ่าเรืองพร อายุ 29 ปี (ภรรยาผู้เสียหาย) ได้เดินทางนำเอกสารหลักฐานต่างๆ เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อขอให้ช่วยเหลือในเรื่องของคดีที่ตนไม่ได้รับความเป็นธรรมจากนายญฐกร อาจทวีกุล อายุ 43 ปี คู่กรณีที่ขับรถกระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ หมายเลขทะเบียน 1 ฒธ 4138 กทม. ขับพุ่งชนรถของตน ขณะที่ตนนั่งรับประทานอาหารอยู่ในร้านไก่ย่างพระราม 5 ถ.นครอินทร์ ต.ตลาดขวัญ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี ก่อนจะไถลไปชนรถคันอื่นๆอีก 4 คัน ได้รับความเสียหาย โดยคู่กรณีมีอาการมึนเมา ตรวจวัดแอลกอฮอล์ได้ 177 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ แต่ทางพนักงานสอบสวนกลับปล่อยตัวให้กลับบ้านโดยไม่มีการควบคุมตัวเหมือนผู้ต้องหารายอื่น นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นำผลสำนวนไปส่งศาลอย่างครบถ้วน ทำให้รูปคดีเปลี่ยนและตนไม่ได้รับการรับผิดชอบจากคู่กรณี นายสุขสันต์ (ผู้เสียหาย) กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนไปรับประทานอาหารที่ร้านแถวพระราม 5 โดยจอดรถไว้หน้าร้าน เวลาประมาณ 23.00 น. ได้ยินเสียงรถชนดังมาก พบว่าเป็นคนเมาขับรถมาชนรถของตนเป็นคันแรก รวมถึงไถลไปชนคันอื่นๆอีก 4 คัน ทุกคนจึงลุกมาดูพร้อมกันและถ่ายคลิปเอาไว้ ส่วนคู่กรณีได้ลงจากรถมาพูดคนเดียวกลางถนน สักพักมีตำรวจมาถึง ตนจึงขอให้เป่าแอลกอฮอล์ แต่ตำรวจแจ้งว่ายังไม่เป่าและนำตัวไปคุยกันที่โรงพัก รวมถึงตนและคนอื่นๆที่เป็นผู้เสียหายด้วย หลังจากนั้นระหว่างที่กำลังดำเนินการสอบสวนผู้เสียหายทั้งหมด ผู้ก่อเหตุเกิดเมาขาดสติ อาละวาด จะมาชกต่อย พร้อมบอกว่าเมา แต่ไม่ยอมรับผิด ท้าทายให้เป่าแอลกอฮอล์ ค่าวัดขึ้นถึง 177 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ สักพักเดินเข้ามาเหมือนจะหาเรื่อง ตำรวจจึงต้องดึงตัวกลับเข้าไป ก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เหตุการณ์จบลงที่ตำรวจให้แยกย้ายกลับบ้าน แต่รถของตนเสียหายหนัก ทำให้กลับบ้านไม่ได้ต้องเรียกรถมาลาก ออกมายืนรอรถไม่ถึง 10 นาที ร้อยเวรกลับปล่อยตัวคู่กรณีที่เมาแล้วขับออกมา ตอนนี้รู้สึกติดใจ 3 เรื่องใหญ่ๆ เพราะตนไม่ได้รับความเป็นธรรม 1.ตนมองว่าตำรวจปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ ผู้ก่อเหตุเมาอย่างหนัก ตำรวจยังปล่อยตัวกลับบ้าน โดยไม่มีค่าปรับหรือส่งตัวฟ้องศาล ตนถามกลับแจ้งว่ายังไม่มีความผิด ไม่ใช่ผู้ต้องหา 2.ตนขอทำเรื่องคดีฟ้องศาลโดยตนจะยื่นเป็นโจทก์ร่วม เพราะว่าตนเสียหายเยอะ แต่ร้อยเวรกลับไม่แจ้งภายในวันฟ้อง 3.ผลสำนวนออกมาว่าผู้ก่อเหตุยอมรับว่าเมา แต่จะชดใช้ค่าเสียหายโดยซื้ออะไหล่มาซ่อมรถให้ภายใน 30 วัน จนกว่ารถจะเสร็จ ตำรวจไม่ได้นำสำเนาที่บันทึกไปส่งให้ศาล เพียงแค่พูดด้วยวาจา และไม่แจ้งกับตน โดยแจ้งศาลว่าผู้ก่อเหตุเมา ทำให้เกิดอุบัติเหตุแต่ไม่มีผู้เสียหาย ศาลจึงตัดสินให้ปรับค่าเสียหาย จำนวน 9,000 บาท รวมถึงผู้ก่อเหตุรับสารภาพทำให้ลดเหลือกึ่ง เหลือเพียงแค่ 4,500 บาท ซึ่งตนรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมใดๆ จึงอยากจะมาร้องเรียนให้ทนายรณณรงค์ช่วยเหลือ น.ส.พัชราภรณ์ (ภรรยาผู้เสียหาย) กล่าวว่า ตนอยากให้คู่กรณีออกมารับผิดชอบค่าเสียหาย เพราะค่าซ่อมรถค่อนข้างสูง แต่กลับบ่ายเบี่ยงไม่รับผิดชอบ และให้ไปฟ้องเอา ซึ่งตนพยายามเงินมาเพื่อซ่อมรถเองอยู่ตลอด โดยที่คู่กรณีไม่เคยออกมารับผิดชอบใดๆ ตำรวจก็ไม่ช่วยเหลือ จึงต้องมาร้องกับทนายรณณรงค์เพื่อให้ช่วยเหลือ มีการไปถามถึงรูปคดี ตำรวจก็แจ้งว่าจบแล้วให้ไปฟ้องแพ่งเอา ตนมองว่าเพราะตำรวจปล่อยตัวคู่กรณีกลับไปทำให้คดีอ่อนลง เมื่อตนไม่ได้เป็นโจทก์ร่วมก็ทำให้เสียสิทธิ์ในการจะฟ้องร้อง รู้สึกติดใจกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อยากให้ช่วยเหลือตนบ้าง เพราะตนได้รับความเดือดร้อน ต้องกู้เงินเพื่อมาซ่อมรถ และด้วยความเป็นศิลปินต้องใช้รถทำงานทุกวัน หากต้องไปเช่ารถก็จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก มีเงินเท่าไหร่ก็ไม่เคยเหลือ ยอดที่ซ่อมรถไป จำนวน 350,100 บาท รถไม่มีประกันทั้งตนและคู่กรณี ทำให้เดือดร้อนมากขึ้นอีก ตนพยายามไปร้องเรียนหลายที่แต่ก็ยังเงียบอยู่ ด้าน ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า การจะขอเป็นโจทก์ร่วมในการติดตามข้อกฎหมายต้องเป็นเฉพาะฐานความผิดที่ไม่ใช่ความผิดต่อรัฐ ที่เราเป็นผู้เสียหายได้ พระราชบัญญัติจราจรทางบก รัฐเป็นผู้เสียหายไม่ใช่ประชาชน เพราะฉะนั้นตำรวจไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะเราไม่สามารถเป็นโจทก์ร่วมได้ แต่ประเด็นที่ร้องเข้ามาหลังจากวัดปริมาณแอลกอฮอล์ได้ 177 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ มีรถจยย.ที่โดนตรวจจากด่านใดไม่ทราบ จะต้องจ่ายค่าเสียหาย แต่รถยนต์ที่ชนพังยับถึง 6 คัน ตำรวจกลับปล่อยตัวกลับบ้านโดยที่ไม่ต้องประกันตัว นี่คือจุดที่ผู้เสียหายติดใจ พอจะฟ้องศาล พนักงานสอบสวนอาจติดต่อกับผู้เสียหายไม่ครบถ้วน แถมยังไม่อธิบายใดๆให้ละเอียดว่าจะสามารถฟ้องศาลได้อย่างไร หรือจะเป็นโจทก์ร่วมได้อย่างไร แต่ตามกระบวนการต่างๆทางผู้เสียหายได้มีการยื่นเรื่องร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆแล้ว แต่ยังล่าช้าอยู่ ก่อนหน้าเคยมีการเรียกเข้าไปสอบสวนเพิ่มเติมที่โรงพักเมืองนนทบุรีแล้ว แต่ทางคณะกรรมการสอบสวนสอบไปคนละประเด็น วันนี้จึงต้องมาขอความเป็นธรรมเพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 1 รวมถึงสถานีตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี เร่งการสอบสวนเหตุนี้ว่าผิดหรือไม่ผิดอย่างไร พร้อมกับอธิบายให้ผู้เสียหายฟังว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำถูกต้องหรือไม่ อย่างไรบ้าง