2 พิธีกรชื่อดัง เข้าแจ้งความกล่าวโทษผู้ว่า สตง. และอดีตผู้ว่าฯ สตง. เหตุตึกสตง. ใหม่ถล่ม แต่ไม่มีใครรับผิดชอบ มองอาจไม่ชอบมาพากล หวั่นเวลาผ่านไปเอาผิดใครไม่ได้ เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 2 พ.ค.ที่สน.บางซื่อ นายดำรง พุฒตาล อายุ 80 ปี พร้อมด้วย นางสาวนารากร ติยายน อายุ 57 ปี สองพิธีกรชื่อดัง เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ทัตเทพ แก้วสมศรี รอง สว.(สอบสวน) สน.บางซื่อ เพื่อแจ้งความดำเนินคดี นายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และ นายประจักษ์ บุญยัง อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ซึ่งเป็นผู้ลงนามสัญญาการว่าจ้าง ในการก่อสร้างอาคารสำนักงาน สตง.ใหม่ ที่ได้รับอนุมัติงบประมาณในการก่อสร้างจากคณะรัฐมนตรีเมื่อปี พ.ศ. 2563 ในข้อหา กระทำการโดยประมาททำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก และ เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้ เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด จากเหตุการณ์อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) อยู่ระหว่างก่อสร้าง ถนนกำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร กทม. พังถล่ม จากแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มี.ค.2568 นางสาวนารากร กล่าวว่า จากเหตุอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) พังถล่มลงมา หลังแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ซึ่งขณะนั้นมีคนงานก่อสร้างกำลังทำงานอยู่จำนวนมาก ในฐานะประชาชนมองว่า ขณะนี้เวลาผ่านมา 35 วันแล้ว มีการค้นหาพบผู้เสียชีวิตและผู้ที่ยังสูญหายกว่าร้อยคน แม้อาคารจะพังถล่มลงมาหลังแผ่นดินไหว แต่ช่วงเวลาเดียวกันอาคารสูงหลายแห่งในพื้นที่ กทม.ที่กำลังก่อสร้างอยู่เช่นเดียวกัน ไม่มีอาคารใดเกิดการพังถล่มลงมาเหมือนอาคารของ สตง. และตั้งแต่เกิดเรื่องมาจนถึงวันนี้ ไม่มีการออกอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีแต่การชี้แจงว่าแก้ไขแบบอย่างถูกต้องเท่านั้น รู้สึกคับข้องใจอย่างมาก ว่าการถล่มของอาคารมีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือไม่ หวั่นหากเวลาผ่านไปเนิ่นนานจะมีเพียงแต่วิศวะกร ที่ต้องถูกดำเนินคดีเท่านั้น ส่วน นายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ยังไม่เคยเอ่ยคำขอโทษ หรือแสดงความรับผิดชอบใด ๆ ต่อการเสียชีวิตและสูญหายของคนร่วมร้อยชีวิต ทั้งๆที่ในตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน นายมณเฑียร สามารถบริหารจัดการ และควบคุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการก่อสร้าง ให้ทำหน้าที่อย่างซื่อตรงเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้ นางสาวนารากร กล่าวอีกว่า เห็นได้ชัดว่าได้กระทำการโดยประมาท ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตจำนวนมาก รวมทั้งละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อันต้องกระทำ เพื่อป้องไม่ให้มีการทุจริตในกิจการทั้งปวงของ สตง. อาจมีการกระทำความผิดอาญาแผ่นดิน จึงมากล่าวโทษให้พนักงานสอบสวนพิจารณาดำเนินคดีนายมณเฑียร ให้ถึงที่สุดตามพยานหลักฐาน นอกจากนี้ เหตุการณ์นี้สร้างความเสียหายใหญ่แก่ประเทศชาติและประชาชนชาวไทย ทั้งงบประมาณแผ่นดินจากภาษีประชาชน ทั้งความไม่ชอบมาพากลในการอนุมัติและควบคุมการก่อสร้าง มีข้อมูลว่ามีการแก้แบบก่อสร้างโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย มีการเผยแพร่ข่าวไปทั่วโลกทำลายความเชื่อมั่นภาพลักษณ์เรื่องความปลอดภัยของไทยในสายตาชาวต่างชาติ สะท้อนจากคำพูดของท่านนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ที่พูดว่า ”เราจะตอบชาวโลกได้อย่างไร“ ด้าน นายดำรง มองว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ ประชาชนเสียหายโดยตรง กว่า 2 พันล้าน ไม่ได้ทั้งตึก สตง.หลังใหม่ และยังมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง จึงอยากออกมาเรียกร้องและกระตุ้นให้มีผู้มารับผิดชอบความเสียหายครั้งนี้ นายดำรง ย้ำว่า เดี๋ยวนี้รัฐบาลไม่เห็นหัวประชาชน จากที่เห็นการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่มีแต่การสอบสวนบริษัทก่อสร้าง วิศวะกรแต่ไม่เห็นการเรียกสอบผู้ว่า ฯ สตง. แต่อย่างใด อีกทั้งหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบของชาติแต่ทำไมไม่มีการตรวจสอบการดำเนินงานก่อสร้างของตนเองหรืออย่างไร เบื้องต้นพนักงานสอบสวนจึงรับคำร้องทุกข์ไว้ พร้อมสอบปากคำผู้เสียหายเพิ่มเติม ก่อนจะส่งเรื่องไปยังคณะทำงาน ตึก สตง.ถล่ม สน.บางซื่อ เพื่อพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป /////////