ลุง-ป้า คู่กรณีลูกชาย “นายกเบี้ยว” กลัวถูกสั่งเก็บ ยื่นขอคุ้มครองพยานแล้ว
“กัน จอมพลัง” พา “ป้าสมศรี” ร้อง ก.ยุติธรรม ขอคุ้มครองพยาน หวั่นถูกฆ่าปิดปาก เชื่อคู่กรณีเป็นนักการเมืองผู้กว้างขวางในพื้นที่
จากกรณี นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ “กัน จอมพลัง” ได้รับมอบอำนาจจากคุณลุง-คุณป้าผู้เสียหาย คือ นายประจักษ์ ดวงใย อายุ 65 ปี และ นางสมศรี ดวงใย อายุ 64 ปี ช่วยติดตามคดีความและเป็นคนกลางในการพูดคุยเจรจากับฝ่าย นายสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ หรือ “พีช” บุตรชายของ นายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือ “นายกเบี้ยว” อดีตนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี จ.ปทุมธานี หลังจากก่อเหตุขับรถบีเอ็มดับเบิลยู กระแทกรถกระบะบนทางด่วน เป็นเหตุให้รถกระบะพุ่งชนแบริเออร์จน นายประจักษ์ บาดเจ็บสาหัสกระดูกซี่โครงหัก กระดูกหน้าอกแตก ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ตลอดเวลา
วันนี้ (22 เม.ย.) ณ กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) นายนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ “กัน จอมพลัง” ได้พา นางสมศรี หรือ คุณป้าสมศรี เข้าร้องขอความเป็นธรรมให้มีการคุ้มครองพยานและทำเรื่องเยียวยาตามขั้นตอนกฎหมาย โดยมี น.ส.เอมอร เสียงใหญ่ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นผู้รับเรื่อง
น.ส.เอมอร กล่าวว่า วันนี้ผู้เสียหายเข้ายื่นร้องใน 2 เรื่อง คือ ขอรับค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญา ของคุณลุงผู้ขับขี่กับคุณป้าซึ่งเป็นผู้โดยสาร โดยคุณป้าเป็นผู้เสียหายชัดเจนตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย ค่าทดแทน และ ค่าใช้จ่ายต่อจำเลยในคดีอาญา ซึ่งคุณป้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ส่วนคุณลุงเป็นผู้ขับขี่ ซึ่งในรายละเอียดต้องรอพนักงานสอบสวนว่าจะแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่ โดยขณะนี้กระทรวงยุติธรรมรับคำขอไว้ก่อน เนื่องจากเหตุเกิดขึ้นใน จ.ปทุมธานี จะต้องส่งไปให้คณะอนุกรรมการที่จ.ปทุมธานี เป็นผู้พิจารณา ทั้งนี้กรอบการพิจารณาเงินเยียวยาจะไม่เกิน 21 วัน ซึ่งต้องรอหลักฐานทางการแพทย์ด้วย
น.ส.เอมอร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ทางครอบครัวผู้เสียหายรู้สึกว่าไม่ได้รับความปลอดภัย จึงขอการคุ้มครองพยาน ซึ่งในส่วนของกรมคุ้มครองสิทธิฯ ก็จะมี พ.ร.บ.คุ้มครองพยาน โดยให้เจ้าหน้าที่ไปประเมินความเสี่ยง และดูแความปลอดภัยในเบื้องต้น
ด้าน นายกัณฐัศว์ เผยว่า คุณป้ายังคงหวาดกลัวฝ่ายผู้ก่อเหตุ ตอนนี้ทำได้เพียงประสานกระทรวงยุติธรรม ช่วยเหลือเรื่องการเยียวยา เพราะการรักษายังต้องทำต่อไปเรื่อยๆ ยิ่งตอนนี้มีคนมาปล่อยข่าวว่าจะลอบสังหารตน ทางคุณลุงก็เกิดความหวาดกลัวว่า จะโดนสังหารไปด้วย ทำให้คุณลุงปฏิเสธการรักษาอาการน้ำในปอด ซึ่งต้องใช้เข็มเจาะ ตนจึงมาขอให้กระทรวงยุติธรรม ส่งคนไปคุ้มครองพยาน เพื่อให้คุณลุงเกิดความมั่นใจในการรักษาต่อ
“เขาอยู่อย่างตาสีตาสา เป็นชาวบ้านที่มีปัญหากับครอบครัวนักการเมือง ซึ่งในวันนี้เข้าสู่วันที่ 7 แล้วแต่อีกฝ่ายยังไม่เยียวยา แล้วการเยียวยาก็ไม่มีเงื่อนไขอะไรเลย แค่รับผิดชอบเป็นผู้รับไข้ รับดูแลคนไข้ ไม่ใช่เอาเงิน 2 แสนไปฝากเจ้าหน้าที่ สมมุติเงินหายไปใครรับผิดชอบ ท่านเป็นนักการเมือง 7 วัน ยังหาวิธีการจ่ายตังค์ไม่ได้เลย มาบอกว่าผมกีดกัน ไปกีดกันตรงไหน ผมเป็นคนกลาง สอบถามเลขาว่ามีใครติดต่อมาหรือยัง ก็ยังไม่มี หากเขาไม่อยากคุยกับผมก็คุยกับเลขาผมได้ ทางครอบครัวคุณยาย เขากลัวจะมีการเก็บหลักฐานในการพูดคุย เรื่องฝากตังค์ ยังงงมาฝากเงินสดทำไม จะโอนตังค์ก็โอนไปรพ.โน้น ไม่ต้องมาโอนเข้ามูลนิธิผม” นายกัณฐัศว์ กล่าวและว่า ขณะนี้มีผู้ปรารถนาดีพร้อมจะช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลของคุณลุงคุณป้าจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือ “คุณหนิง ปณิตา” และยังมีพี่ๆ หลายๆ ท่านยินดีที่จะช่วยเหลือ จึงขอขอบคุณทุกๆ คน
ขณะที่ นางสมศรี กล่าวว่า ภาพของรถที่ชนแบริเออร์ยังติดตาตลอด ป้ายกมือไหว้ บอกว่าป้าขอโทษ ป้าขอโทษ เพราะไม่รู้ว่าทำผิดอะไร ป้าขอโทษ ป้าขอโทษ ป้ากลัว แต่อีกฝ่ายก็ยังชี้หน้าด่า บอกว่าไปปาดหน้ารถเขา รถเสียหาย รถแพง มีปัญญาใช้ให้เขาไหม สักพักไม่กี่นาทีก็มาสะบัดตูดใส่หน้ารถจนลุงบาดเจ็บ ลุงนิ่งจุก หลังจากนั้นก็ยังถอยมา ชี้หน้าด่า บอกว่าถ้าลุงจอด ก็จะไม่เกิดเหตุแบบนี้ ไม่ได้คิดช่วยแต่อย่างใด มีแต่ผู้หวังดีเข้ามาช่วย ตรงนี้ต้องขอขอบคุณพลเมืองดีหลายๆ คนด้วย
“ส่วนเรื่องจดหมายเห็นแล้ว แต่ไม่ได้อ่านอะไรทั้งนั้น เพราะยังทำใจไม่ได้ ภาพที่รถชนแบริเออร์ยังติดตาอยู่ เขาบุกเข้าโรงพยาบาลก็ยังตกใจ ไม่ได้อนุญาตให้พบ โรงพยาบาลเขากันแล้ว แต่เขาจู่โจมมาถึงหน้าประตู เรื่องเปิดโอกาสพูดคุย ป้าไม่รู้จะพูดคุยอะไรกับเขา ขอให้เป็นหน้าที่ลูกสาวและคุณกัน ขอให้เขาจ่ายค่ารักษาพยาบาล ซ่อมรถให้ก็พอแล้ว ส่วนอาการของลุง ตอนนี้หวาดผวา ไม่ยอมให้พยาบาลฉีดยา ระแวงกลัวถูกฆ่า” ป้าสมศรี กล่าว