DSI สั่งสอบ 51 วิศวกร โยงก่อสร้างตึก สตง.
โฆษกดีเอสไอ แจงเอกสารตรวจยึดหลังค้น 4 บริษัท พบรายชื่อวิศวกร 51 คน ประสาน “กรมโยธาฯ” ตรวจสอบข้อมูล ขยายผลคดีตึก สตง.ถล่ม
วันนี้ (18 เม.ย.) เวลา 11.30 น. กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (ฮั้วประมูล) ชั้น 7 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (อาคารเอ) ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยผลการตรวจค้น 4 บริษัท ยึดหลักฐานโครงการก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับอาคาร สตง. ว่า เจ้าหน้าที่สามารถยึดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และฮาร์ดดิสก์ และเอกสารต่างๆ เพื่อมาตรวจสอบ รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับตัวนายบินลิง วู ที่ดีเอสไอมีเหตุต้องสงสัยว่าอาจมีพยานหลักฐานเกี่ยวข้องกับบริษัทไชน่าเรลเวย์ฯ จึงได้เข้าตรวจค้น ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนรวมถึงเจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการฯ อยู่ระหว่างพิจารณาและตรวจสอบพยานหลักฐานดังกล่าว
พ.ต.ต.วรณัน เผยว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบเอกสารพบรายชื่อวิศวกร 51 คน โดยในจำนวนนี้มี นายสมเกียรติ ชูแสงสุข และ นายชัยฤทธิ์ ที่เข้ามาแสดงตัวแล้ว โดยวันนี้ นายชัยฤทธิ์ ก็เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน อยู่ระหว่างการสอบปากคำ ซึ่งในรายละเอียดยังไม่ทราบว่ามีการแอบอ้างชื่อหรือปลอมลายเซ็นด้วยหรือไม่ แต่มีประเด็นถูกพาไปถ่ายรูปควบคุมงานระหว่างก่อสร้าง สตง.
พ.ต.ต.วรณัน เผยอีกว่า ส่วนวิศวกรที่จะเดินทางมาพบอีก 2 รายที่ดีเอสไอเชิญ ยังไม่ได้รับรายงาน แต่ยืนยันว่าวิศวกรและผู้เกี่ยวข้องทุกคนจะต้องเรียกมาสอบปากคำทั้งหมด เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่ามีการควบคุมงานจริงหรือไม่ มีใครเป็นวิศวกรในโครงการนี้จริงบ้าง แล้วจึงจะขยายผลไปได้ว่ามีการปลอมลายเซ็นหรือไม่ กระบวนการทำงานถูกต้องหรือไม่ ทั้งนี้ กรณีของ นายพิมล เจริญยิ่ง อายุ 85 ปีที่ปรากฏรายชื่อว่าเป็นผู้ออกแบบอาคาร สตง.นั้น พนักงานสอบสวนได้ไปพบตัวแล้ว และเจ้าตัวมีอาการป่วยจริงๆ โดยเจ้าตัวยังได้ขอเวลาในการเตรียมเอกสารมาให้การ คาดว่าจะเป็นช่วงสัปดาห์หน้า
“ยืนยันว่าผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบริษัท อิตาเลี่ยนไทยฯ ที่เลื่อนเข้าพบดีเอสไอ หรือตัวนายปฏิวัติ ศิริไทย ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด โดยพนักงานสอบสวนได้ทำตารางนัดหมายพยานไว้เรียบร้อยแล้ว หรือหากตำรวจ สน.บางซื่อ มีการเรียกสอบปากคำนายปฏิวัติในวันที่ 21 เม.ย.นี้ ดีเอสไอก็อาจไปสอบปากคำด้วยก็ได้”
พ.ต.ต.วรณัน กล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมคดีที่ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษนั้น คดีนอมินีขณะนี้คืบหน้าไปกว่า 50% แล้ว หลังจากนี้เป็นกระบวนการพิจารณาว่าหลักฐานพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหาบุคคลใดหรือไม่ เพราะเป็นคดีหลักคดีแรกที่ดีเอสไอรับผิดชอบ ส่วนขยายผลรับเพิ่มคดีฮั้วประมูล ซึ่งองค์ประกอบความผิดหลายเรื่อง เช่น การแข่งขันราคาไม่เป็นธรรมโดยใช้กลอุบายไปฟันราคา เพื่อให้ได้มาซึ่งสัญญาแล้วไปลดค่างานหรือการดำเนินการอย่างอื่นเพื่อลดค่าใช้จ่าย ก็เข้าข้อกฎหมายนี้ได้เหมือนกัน และการเรียกสอบวิศวกรผู้คุมงาน ก็เป็นการสืบสวนในคดีฮั้วประมูลนี้
พ.ต.ต.วรณัน ยืนยันด้วยว่า ไม่กังวล แม้จะมีกระแสข่าวว่าคนที่แก้ไขแบบอาคาร สตง. มีความเกี่ยวกับกับผู้หลักผู้ใหญ่ใน สตง. โดยบอกว่าเรื่องนี้สปอตไลต์ของสังคมค่อนข้างเยอะ ไม่น่าจะมีปัญหา และดีเอสไอรับคดีขนาดใหญ่ ทำงานเป็นรูปแบบคณะกรรมการ เรื่องนี้จึงไม่เป็นประเด็น