รวบอดีตรองเลขาเจ้าอาวาส ข่มขืนเด็กชายญาติตัวเอง ก่อนหลบหนีกบดานบนเรือกลางแม่น้ำป่าสัก
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ (บก.ปพ.)
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ธีรชาติ ธีรชาติธำรง ผบก.ปพ., พ.ต.อ.สุรพันธ์ มั่นคงดี, พ.ต.อ.วรศักดิ์ บัณฑิต, พ.ต.อ.ศราณุ โสมทัต รอง ผบก.ปพ., พ.ต.อ.ไผท คูสันเทียะ ผกก.1 บก.ปพ, พ.ต.ท.ณัฐพงศ์ ปัญญากาญจน์, พ.ต.ท.ศุภฤกษ์ เคหะทุ่ม รอง ผกก.1 บก.ปพ.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.เอกพงษ์ ผูกพัน รอง ผกก.1 บก.ปพ., พ.ต.ท.จตุพร ติกแก้ว สว.
กก.1 บก.ปพ., ส.ต.ท.อภิวัฒน์ วิมาเณ, ส.ต.ท.โสรัฐ ภู่ระโหง, ส.ต.ต.ภาณุวัฒน์ อุทัยเลิศ, ส.ต.ต.วาฬุพงศ์ นักร้อง ผบ.หมู่ กก.1 บก.ปพ
ร่วมกันจับกุม นายสุทินฯ ผู้ต้องหา 3 หมายจับ ตามหมายจับของศาล
1. ศาลจังหวัดสุรินทร์ ที่ จ.42/2568 วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบสามปี ซึ่งไม่ใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม”
2. ศาลจังหวัดสุรินทร์ ที่ จ.83/2568 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบสามปี ซึ่งไม่ใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม”
3. ศาลจังหวัดสุรินทร์ ที่ จ.84/2568 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบสามปี ซึ่งไม่ใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม”
สถานที่จับกุม บริเวณข้างเรือโป๊ะหลังท่าเรือขนส่งสินค้า บริษัทแห่งหนึ่ง ใน ตำบลท่าเจ้าสนุก
อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
สืบเนื่องจาก (พี่ชายผู้เสียหาย) ได้เข้าพิธีอุปสมบทเมื่อเดือนเมษายน 2563 และจำวัดอยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง ในอำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ พร้อมกับศึกษาเล่าเรียนที่โรงเรียนวัดฯ โดยระหว่างที่บวชอยู่นั้น นายสุทินฯ (ผู้ต้องหา) ซึ่งเป็นญาติห่างๆกับพระรูปดังกล่าว ก็ได้บวชและพักอาศัยอยู่ที่วัดเดียวกันในชื่อ “พระสุทิน”
ในช่วงเวลาดังกล่าว ผู้ปกครองของเด็กชายเอ อายุ 6 ขวบ (นามสมมติ) และเด็กชายบี อายุ 9 ขวบ (นามสมมติ) ซึ่งเป็นน้องชายของพระรูปดังกล่าว (และมีศักดิ์เป็นญาติห่างๆกับพระสุทินฯ) ก็มักจะได้มานอนพักที่วัดในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์หรือช่วงปิดเทอม โดยผู้ปกรครองมักจะพามาส่งในเย็นวันศุกร์และรับกลับในเย็นวันอาทิตย์ กระทั่งพระรูปดังกล่าว ลาสิกขาบท ผู้ปกครองจึงไม่ได้ส่งบุตรชายไปที่วัดอีก
ต่อมาในเดือนตุลาคม 2567 ผู้ปกครองสังเกตเห็นความผิดปกติของเด็กชายเอ ที่มีอาการชอบเกาบริเวณก้นบ่อยครั้ง และเมื่อตรวจสอบดูก็พบแผล จึงได้พาบุตรชายไปเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ผลการตรวจวินิจฉัยพบว่าเด็กชายเอ ติดเชื้อโรคหูดบริเวณทวารหนัก ซึ่งแพทย์ระบุว่าเป็นโรคที่มักพบในผู้ใหญ่ และอาจมีสาเหตุมาจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ
จากนั้น ผู้ปกครองได้สอบถามบุตรชายทั้งสองอย่างละเอียด จนกระทั่งทราบความจริงว่าทั้งสองถูกนายสุทินฯ ซึ่งขณะนั้นยังคงอยู่ในสมณเพศในชื่อ “พระสุทิน” กระทำชำเราภายในกุฏิของวัดหลายครั้ง ในช่วงระหว่างเดือนเมษายน 2563 ถึงมีนาคม 2567 ซึ่งเป็นช่วงที่ทั้งสองคนไปพักที่วัดกับพี่ชาย ผู้ปกครองจึงได้ตัดสินใจพาบุตรชายทั้งสองคนเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับนายสุทิน ผู้ต้องหาในข้อหากระทำชำเราเด็ก โดยยืนยันที่จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ล่าสุด ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ได้ตามแกะรอย นายสุทิน ฯ หรือ”อดีตพระสุทิน” (ซึ่งเป็นเลขาเจ้าอาวาสฯ) ผู้ต้องหาคดีข่มขืนเด็กอย่างต่อเนื่อง หลังทราบว่าได้ลาสิกขาและหลบหนีไปซ่อนตัวในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จนกระทั่งพบแหล่งกบดานและสามารถบุกจับกุมตัวนายสุทินได้ขณะกำลังหลบหนีอยู่บนเรือกลางแม่น้ำป่าสัก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลุยป่าและพายเรือไปเพื่อให้เข้าถึงตัวผู้ต้องหา จากนั้นได้ควบคุมตัวนายสุทิน ส่งไปยัง สภ.ศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาและยังรับอีกว่า เคยก่อเหตุล่วงละเมิดทางเพศสามเณรภายในวัดเดียวกันนี้อีกด้วย รวมผู้เสียหายในคดีที่พบขณะนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 3 ราย