เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 29 มีนาคม 2568 พ.ต.ท.สพัศ ปราการพิทักษ์ รอง ผกก.สภ.บางพลี ได้รับแจ้งมีผู้ถูกยิงสียชีวิต ภายใน แห่งหนึ่งใน ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ไพโรจน์ เพ็ชรพลอย ผกก.สภ.บางพลี พ.ต.ท.ภาวัต รัตนาภรณ์ รอง ผกก.สส.สภ.บางพลี พ.ต.ต.สันติราษฎร์ เงินมั่น สว.สส.สภ.บางพลี พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่พิสุจน์หลักฐานสมุทรปราการ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู เดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุ ที่พื้นบริเวณหน้าออฟฟิต พบ นายนิรุจน์ อายุ 27 ปี ชาว จ.สุรินทร์ นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น มีแผลถูกยิงเข้าที่ชายโครงด้านหลังซ้าย เจ้าหน้าที่กู้ชีพ เร่งให้การช่วยเหลือห้ามเลือดและปั้มหัวใจอยู่นานแต่ไม่เป็นผลเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ที่บริเวณด้านหน้าบริษัท พบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ สีดำ ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นของกลุ่มผู้ก่อเหตุ ส่วนผู้ก่อเหตุมาด้วยกัน 2 คน เป็น ชาย อายุประมาณ 45-50 ปี หลังเกิดเหตุได้วิ่งหลบหนีไปทางด้านหลังโรงงาน
จาการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดภายในโรงงาน เมื่อเวลา 19.43 น.ของวันที่ 29 มีนาคม 2568 จับภาพได้ในขณะที่ นายกาญจน์ (เสื้อลาย) อายุ ประมาณ 53 ปี เจ้าหนี้ ขี่รถจักรยานยนต์มากับเพื่อนคือ นาย ต๋อย อายุ 48 ปี (เสื้อสีฟ้าหัวเกรียน ) ซึ่งมาทวงเงินที่ นายแมน (เสื้อดำ) ลูกจ้างของโรงงานที่เกิดเหตุแห่งนี้ ติดเงินพันกว่าบาท โดยขณะนั้นมีเพื่อนของนายแมนนั่งอยู่ด้วยรวมทั้งหมด 3 คน หนึ่งในนั้นคือนาย นิรุจน์ อินต๊ะ อายุ 28 ปี ผู้ตายรวมอยู่ด้วย ระหว่างที่ นายกาญจน์ เจ้าหนี้กำลังเจรจาทวงถามเงินจากนายแมนที่ยืมไป มีจังหวะหนึ่งที่ คาดว่านายกาญจน์ เจ้าหนี้คงจะพูดจาอะไรสักอย่างจนทำให้ นาย นิรุจน์ ที่เป็นเพื่อนของนายแมน และนั่งอยู่ตรงนั้น เกิดความไม่พอใจลุกผลักอก นายกาญจน์ จนล้มทั้งยืน จากนั้นทำให้นาย ต๋อย ที่เป็นเพื่อนของนายกาญจน์ ที่เห็นเข้าและยืนคุมเชิงอยู่ จึงผลักอกนาย นิรุจน์ กลับไปทำให้นายนิรุจน์ไม่พอใจและปิดฉากสาวหมัดใส่กันอยู่สักพัก นายต๋อย จึงวิ่งออกจากโรงงานไป และดูเหมือนว่าเรื่องราวจะจบลงด้วยดี แต่นายกาญจน์ ที่เป็นเจ้าหนี้เข้าพูดคุยและโต้เถียงกับ นายนิรุจน์อีกครั้ง กระทั่งไม่นาน นายต๋อย กลับเข้ามาพร้อมกับปืนเหน็บเอวเข้ามาด้วย ซึ่งภาพวงจรปิดอีกมุมจับภาพได้ในขณะที่ นายต๋อย เดินกลับมาจากโรงงานข้างเคียงพร้อมกับอาวุธปืน จากนั้นจึงมีการเข้ามาเคลียร์กันอีกครั้งแต่ไม่ลงตัวจนเกิดการชกต่อยกันเกิดขึ้นอีกครั้ง นายต๋อย ซึ่งเหน็บปืนมาด้วยที่เอวจึงเดินกลับมาที่ข้างรั้วโรงงานเพื่อบรรจุกระสุนปืนก่อนจะชักปืนยิงใส่นายนิรุจน์ไปหนึ่งนัด กระสุนเข้าที่ชายโครงข้างขวากระสุนฝัง ภาพจากกล้องอีกมุมจะเห็นหลังจากที่ นายนิรุจน์ ถูกยิงและล้มลงตรงข้างรถหน้าประตูออฟฟิส ส่วน นายต๋อย ผู้ก่อเหตุวิ่งหลบหนีเข้าโรงงานข้างไป
จาการสอบถาม นาย นายสุวิทย์ ลูกหนี้ของนายกาญจน์ เล่าว่า เรื่องเกิดขึ้นเพราะว่าตนเองไปยืมเงินจากนายกาญจน์ รวมแล้วพันกว่าบาทและผลัดคืนเงินมากว่าเดือนแล้ว จนมาวันนี้ ขณะที่ตนเองกับเพื่อนรวมถึงผู้ตาย นั่งเล่นเกมส์กันอยู่ นายกาญจน์ เจ้าหนี้ขับรถจักรยานยนต์มากับผู้ก่อเหตุเพื่อมาทวงถามเรื่องคืนเงินที่ยืมไป ซึ่งตอนแรกก็พูดคุยเคลียร์กันเกือบจะลงตัวแล้ว แต่นายกาญจน์ และเพื่อนของนายกาญจน์ พูดจาคล้ายกับข่มขู่ทำให้นายนิรุจน์ผู้ตาย ไม่พอใจจึงลุกยืนต่อว่าและผลักอกนายกาญจน์ จนล้มลงก่อนจะชกต่อยกับเพื่อนของนายกาญจน์ ผู้ก่อเหตุ จนกระทั่งเพื่อนของนายกาญจน์ กลับไปเอาปืนจากโรงงานที่เพื่อนนายกาญจน์ ทำงานอยู่โรงงานข้างมาก่อเหตุดังกล่าว
จากการสอบถาม นายพิษณุ เพื่อนร่วมงานของผู้ตาย เล่าว่า ตนก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะตอนนั้นตนนั่งเล่นเกมส์อยู่ แต่ที่ได้ยินคร่าว ๆ คือคนที่พามือปืนมาด้วยเขามาทวงหนี้ เขามากันสองคน หลังจากนั้นตนก็ไม่รู้ว่าเขาคุยอะไรกัน แล้วเขาก็วิ่งไป ก่อนจะกลับมาแล้วเขาก็ยิง ตอนแรกตนนึกว่าเขายิงขู่เฉย ๆ หนึ่งนัด คนตายเขาไม่ได้เป็นหนี้แต่น่าจะเป็นเพื่อนกับคนที่เป็นหนี้คนที่ก่อเหตุ เท่าที่ตนสังเกตเขาน่าจะคุยไม่เข้าหูกันแล้วเกิดการชกต่อยกัน คนตายทำงานอยู่ที่นี้
เวลาต่อมา พ.ต.ต.สันติราษฎร์ เงินมั่น สว.สส.สภ.บางพลี พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ได้ตรวจสอบกกล้องวงจรปิด จนทราบว่าผู้ก่อเหตุ ชื่อ นาย ต๋อย อายุ 48 ปี ชาว จ.สระแก้ว จึงประสานกับทาง ภรรยาของผู้ก่อเหตุ ก่อนจะพาเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบที่บ้านพักซึ่งอยู่ภายในซอยบางปลา 77 (สมหวัง) ซึ่งห่างจากจุดที่เกิดเหตุประมาณ 500 เมตร แต่ไม่พบตัว นายต๋อย ภรรยาจึงได้พาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจจุดที่ ผู้ก่อเหตุใช้เผาถ่านเพื่อหารายได้เสริมจากงานประจำ ซึ่งห่างออกไปอีกประมาณ 200 เมตร ก็พบตัว นายต๋อย นั่งหลบเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ข้างป่าหญ้าใกล้กับที่เผาถ่าน เจ้าตัวไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใดยอมมอบตัวให้เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมตัวแต่โดยดี ก่อนจะควบคุมตัวมาเอาของกลางอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ ซึ่ง นายต๋อยได้นำกลับมาเก็บไว้ ใต้โต๊ะที่ทำงาน ใกล้กับที่เกิดเหตุ เป็นอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุน ขนาด .38 ซุปเปอร์ จำนวน 1 นัด และปลอกกระสุน ขนาด .38 ซุปเปอร์ จำนวน 1 ปลอก ก่อนจะควบคุมตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
ด้าน นาย ต๋อย ผู้ก่อเหตุ เล่าว่า เขาทำร้ายตนก่อน ตนไม่ได้ข่มขู่อะไรเขาก่อนเลยก็พูดดี ๆ นี้แหละ แต่เขาเข้ามาทำร้ายเราต่อยตน ตนกับเขาไม่ได้รู้จักกันมาก่อน แต่เรื่องที่เกิดคือ เราเคยมาทวงเงินเขาตั้งแต่ต้นแล้ว ในวันนี้ นายสงกรานต์ (คนที่เป็นเจ้าหนี้) เขาชวนตนไปเป็นเพื่อนทวงเงินกับเขา แต่คือแบบทางนั้นเข้าไม่พอใจ ทำร้ายตนก่อน โดยที่ตนไม่ได้ทำอะไรเขาเลย ปืนที่ใช้ก่อเหตุตอนแรกตนไม่ได้เอาไปด้วยคือตนกลับมาเอา ตอนที่โดนต่อยจนล้มตอนนั้นปืนอยู่ที่เอว ปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นปืนไทยประดิษฐ์ตนซื้อมานานแล้ว
ด้านภรรยาของผู้ก่อเหตุ เล่าว่า ปกติหลังเลิกงานประมาณ 4 โมงเย็น เขาก็จะมาก่อไฟเผาถ่านแล้วเดี๋ยวมันก็จะดับของมันเองเพราะว่ามันเป็นเตาไร้ควัน ตอนเกิดเหตุตนอยู่ที่บ้านกำลังทำลาบหมู ตนก็ไม่รู้เรื่องอะไร ตนก็งงเหมือนกัน เพราะแกเป็นคนใจเย็น เป็นคนที่จิตใจดี ไปทำบุญกันตลอด เป็นคนมีเมตตา ตนยังงงอยู่เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับแก แกเจอหนักมากว่านั้น แกก็ไม่ทำร้ายใคร แต่ไม่รู้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น เรื่องติดหนี้กันตนไม่รู้ คนที่เสียชีวิตเป็นใครก็ยังไม่รู้ วันนี้แกก็ไปทำงานพอเลิกงานสี่โมงครึ่งแล้วก็มาเผาถ่านเป็นงานเสริม เพราะที่ทำงานไม่มีโอ ก็เลยมาหาทำงานเป็นรายได้เสริมของเราเอง ปกติแกเป็นคนใจเย็น เป็นคนมีสติ เจอหนักมากว่านี้แกก็ผ่านมาหมด ไม่เคยไปตีไปทำร้ายใคร ครั้งสุดท้ายที่ตนเจอแก ก็ตอนประมาณห้าโมงครึ่งคือตนเลิกงานซื้อกลับข้าวเข้ามาตนก็แวะหา แกก็ตอบกลับว่าเดี๋ยวเข้าไป แล้วก็หายไปเลย แล้วแกก็โทรมาบอกว่าทะเลาะกันกับเขา แล้วเขามาตบต่อยตาแก และเขาก็บอกว่าไม่ได้ตั้งใจยิงแต่ยิงสาด
พ.ต.อ.ไพโรจน์ เพ็ชรพลอย ผกก.สภ.บางพลี กล่าว่า สำหรับคดีนี้ เกิดจากที่ตัวผู้ก่อเหตุเขาเป็นเดือดเป็นแค้นแทนเพื่อนในกรณีที่อีกฝ่ายได้ยืมเงิน จำนวนสองพันบาท แล้วปรากฎว่าไม่คืน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็รู้จักกันและก็นั่งคุยกันอยู่บริเวณจุดที่มีการเผาถ่านบริเวณหลังโรงงาน พอมาบริเวณจุดเกิดเหตุได้มีการทวงเงินแทนเพื่อนแล้วปรากฎว่าฝ่ายผู้เสียชีวิตก็ไม่ใช่เป็นฝ่ายที่ยืมเงินด้วยซ้ำเป็นเดือดเป็นแค้นแทนเพื่อนแล้วก็ได้เกิดโทสะ เข้าไปชกต่อยฝ่ายผู้ก่อเหตุก่อน ฝ่ายผู้ก่อเหตุก็เลยใช้อาวุธปืนที่ติดตัวมายิงผู้เสียชีวิต ในตอนแรกก็ได้รับบาดเจ็บ แต่สุดท้ายพยายามยื้อชีวิตแล้วแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเป็นเหตุให้เสียชีวิต อาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ซึ่งเขาบอกว่าได้ซื้อมานานแล้ว ซึ่งเรืองนี้เราจะขยายผลต่อว่าซื้อมาจากไหน แล้วก็ถ้าใครที่ได้นำอาวุธปืนมาขายให้ผู้ก่อเหตุครั้งนี้เราก็จะขยายผลแล้วก็จับมาดำเนินคดีด้วย เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหาโดยกล่าวหาว่า ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร
วิวรรธน์ สมุทรปราการ