นนทบุรี ชาวบ้านบ้านพักกรมชลฯ ร้องขอขยายเวลาย้ายออก หลังเหตุไฟไหม้โยงเงินหาย 10 ล้าน – ผู้สูงอายุ-ผู้ป่วยลำบาก ถูกตัดน้ำไฟกดดัน
เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2568 นายสุรพันธ์ ไวยากรณ์ ส.ส. พรรคประชาชน เขต 1 จังหวัดนนทบุรี พร้อมด้วย ดร.ปรเมศร์ ชัยพัชรกุลพงษ์ หรือ “ดร.แก้ว” ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาอัยการจังหวัดนนทบุรี และประธาน กต.ตร. สภ.รัตนาธิเบศร์, นายวุฒิชัย มะสี สมาชิกสภาเทศบาลนครนนทบุรี เขต 3, นายถาวร สวนทอง สมาชิกสภาเทศบาลนครนนทบุรี เขต 3 และประธานชุมชน ได้ลงพื้นที่รับฟังปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านในบ้านพักกรมชลประทานที่กำลังจะถูกขอคืนพื้นที่ จากกรณีไฟไหม้และเงิน 10 ล้านบาทสูญหาย โดยมีชาวบ้านกว่า 200 หลังคาเรือนเข้าร่วมประชุมและยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาในการย้ายออก หลังจากที่กรมชลประทานกำหนดให้ขนย้ายข้าวของภายใน 15 วัน
น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 33 ปี กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเหตุไฟไหม้ภายในชุมชน ตนและครอบครัวได้รับผลกระทบ เนื่องจากลูกชายคนโตวัย 7 ขวบต้องรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา ทำให้ครอบครัวของตนยังไม่พร้อมที่จะย้ายออกจากชุมชน ระยะเวลา 30 วันที่ให้ย้ายออกนั้นสั้นเกินไปจริง ๆ ตนต้องไปกลับโรงพยาบาลทุกวันเพื่อดูแลลูก จึงอยากขอให้ช่วยขยายเวลาให้นานกว่านี้ ครอบครัวตนมีแผนจะย้ายออกอยู่แล้ว แต่ด้วยเหตุผลที่กล่าวมา ทำให้ยังไม่สามารถย้ายได้ ตอนนี้ได้เตรียมสถานที่และเริ่มเก็บข้าวของแล้ว แต่ยังติดปัญหาที่ลูกชายต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล
ส่วนกรณีบ้านที่เกิดไฟไหม้ในชุมชน ตนไม่ได้รู้จักเจ้าของบ้านเป็นการส่วนตัว แต่เคยเห็นผ่านไปมา คนในชุมชนหลายคนพูดเหมือนกันว่าบ้านหลังนั้นทำให้ทุกคนเดือดร้อน บางบ้านมีแต่ผู้สูงอายุอาศัยอยู่เพียงลำพัง ไม่มีลูกหลานดูแล จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นใจพวกเขาด้วย
นางสมคิด ลาดใหญ่ อายุ 55 ปี (ป้าเสื้อสีดำ) กล่าวว่า ตนได้รับความเดือดร้อนจากการถูกตัดน้ำตัดไฟ เพื่อบีบบังคับให้ย้ายออกจากพื้นที่ ตอนนี้ได้ขอชะลอการย้ายออกไว้ก่อน เพราะหากไม่มีน้ำไฟใช้ก็จะลำบากมาก ก่อนหน้านี้ตนเคยติดต่อไปที่กรมชลประทาน แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าให้เจ้าของบ้านเป็นผู้ดำเนินเรื่องเอง เนื่องจากตนเป็นเพียงผู้อาศัย นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพูดจาไม่ดี และยืนยันว่าจะไม่มีการอะลุ่มอล่วย พร้อมทั้งแนะนำให้ตนไปขอต่อน้ำไฟจากเพื่อนบ้านมาใช้แทน และแจ้งว่าตนไม่มีสิทธิ์อาศัยอยู่และต้องย้ายออก
อย่างไรก็ตาม ตนยินดีที่จะย้ายออก แต่ขอเวลาประมาณ 2 เดือน เพื่อให้สามารถเก็บข้าวของและหาที่อยู่อาศัยใหม่ได้โดยไม่ถูกตัดน้ำตัดไฟ เพราะหากถูกตัดจริง ๆ ตนก็จะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้
ยายทอง อายุ 72 ปี กล่าวว่า ตนอาศัยอยู่ในบ้านพักแห่งนี้มานานกว่า 30 ปี เดิมเคยขายก๋วยเตี๋ยวไก่ แต่ปัจจุบันป่วยเป็นมะเร็งที่ขา ทำให้เดินไม่ได้และต้องใช้รถเข็นที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยบริจาคให้ หลังจากที่กรมชลประทานแจ้งว่าจะขอคืนพื้นที่ ตนรู้สึกตกใจและเสียใจ เนื่องจากเจ้าของบ้านอนุญาตให้ตนอาศัยอยู่โดยไม่คิดค่าเช่ามานานแล้ว
หากเป็นไปได้ ตนอยากขอให้กรมชลประทานขยายเวลาให้อีกสักสองถึงสามปี เพื่อให้ตนมีเวลาทำใจและเตรียมตัวย้ายออก แต่หากจำเป็นต้องย้ายจริง ๆ ตนอยากขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยขนย้ายสังกะสีจากบ้านพักนี้ไปที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อใช้สร้างที่อยู่อาศัยชั่วคราว และในวันนี้ตนขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ลงมาดูปัญหาของชาวบ้านและหาทางช่วยเหลือ
นายสุรพันธ์ ไวยากรณ์ ส.ส. พรรคประชาชน เขต 1 จังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า จากเหตุไฟไหม้บ้านและเงิน 10 ล้านบาทสูญหาย มีความเกี่ยวข้องกับปัญหาที่อยู่อาศัยของบ้านพักกรมชลประทาน ซึ่งเดิมมีแผนปรับปรุงพื้นที่มาเป็นเวลานานแล้ว และกำหนดให้ประชาชนต้องย้ายออกภายใน 30 วัน แต่เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าระยะเวลาดังกล่าวสั้นเกินไป ตนจึงเข้ามาประสานงานและรับฟังข้อเสนอเกี่ยวกับระยะเวลาที่เหมาะสม เช่น การย้ายออกภายใน 30 วัน หรือขยายเป็น 90 วัน เพื่อนำข้อมูลไปพูดคุยกับกรมชลประทาน
นอกจากนี้ จะพิจารณาหาหน่วยงานที่สามารถให้ความช่วยเหลือ ทั้งเรื่องการขนย้ายคน สัตว์เลี้ยง และเครื่องใช้ภายในบ้าน ซึ่งทั้งหมดล้วนมีค่าใช้จ่าย และต้องทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ด้วย โดยในวันนี้ได้ให้ประชาชนระบุความพร้อมในการย้ายออก ซึ่งพบว่าชาวบ้านส่วนใหญ่ยินดีจะย้าย แต่ระดับความพร้อมของแต่ละคนแตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม ทุกคนทราบอยู่แล้วว่าสถานที่แห่งนี้มีแผนพัฒนาและจำเป็นต้องย้ายออกในอนาคต
ดร.ปรเมศร์ ชัยพัชรกุลพงษ์ หรือ “ดร.แก้ว” ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาอัยการจังหวัดนนทบุรี และประธาน กต.ตร. สภ.รัตนาธิเบศร์ กล่าวว่า พวกเรายินดีให้ความช่วยเหลือประชาชน โดยตนและ ส.ส. สุรพันธ์ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะไม่ทอดทิ้ง พร้อมช่วยเหลือเต็มที่ในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการขนย้ายคน สัตว์เลี้ยง หรือสิ่งของต่าง ๆ ตามเงื่อนไขที่หน่วยงานราชการสามารถประสานงานไปยังที่อยู่ใหม่ได้
อย่างน้อย พวกเราทุกคนเป็นคนไทย จึงไม่ต้องกังวลว่าหน่วยงานราชการจะรังแกประชาชน แต่ขณะเดียวกัน หน่วยงานราชการก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่มีอยู่ ทุกอย่างจะต้องมีการพูดคุยและเจรจาร่วมกัน ประชาชนต้องแจ้งความต้องการให้ชัดเจนว่าต้องการให้ช่วยเหลือในด้านใดบ้าง ซึ่งพวกเรายินดีช่วยอย่างเต็มที่
ระหว่างการลงทะเบียนของชาวบ้าน ผู้สื่อข่าวได้รับข้อมูลจากชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบ้านพักกรมชลประทาน โดยขอไม่เปิดเผยชื่อและตัวตน ว่าเมื่อปี 2567 ครอบครัวของ น.ส.นิตยา หรือ รุ้งตะวัน (ยายลอง) เคยให้คนรู้จักมาขอร้องให้เปิดบัญชีให้ โดยเสนอค่าตอบแทน 2,000 บาท แต่ชาวบ้านรายนี้ไหวตัวทันและไม่ได้หลงเชื่อ