นนทบุรี/กลุ่มผู้เสียนับ 10 คน ร้องมูลนิธิดัง ถูกครูสอนทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หลอกสูญเงินร่วมกันกว่า 10 ล้านบาท
เมื่อเวลา 11.30 น. วัน ที่19 มี.ค.68 ที่มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ถ.แจ้งวัฒนะ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี กลุ่มผู้เสียหายเกือบ 10 คน เดินทางนำหลักฐานเอกสารต่างๆเข้าร้องเรียนกับว่าที่ร้อยตรีรภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิทวงคืนความยุติธรรมในสังคม , นางชฎาภรณ์ พงศ์ทองเมือง ที่ปรึกษามูลนิธิ ว่าได้ถูกนาย เอ นามสมมติ อายุ 58 ปี อ้างตัวเป็นครูสอนวิชาการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ อาทิการซื้อขายคอนโด การแปลงสินทรัพย์เป็นเงิน การลงทุนต่างๆในอสังหาริมทรัพย์ให้ได้กำไรสูงสุด โดยใช้ชื่อว่าสมาพันธ์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย โดยคิดค่าสอนคอร์ทละ 2,500 บาท ตลอดชีพ 30,000 บาท หลังเข้าเรียนได้ไม่นาน นายเอก็จะเข้ามาตีสนิทอ้างว่าตนทำธุรกิจหลายอย่าง ก่อนชักชวนให้ร่วมลงทุนทั้งซื้อขายที่ดิน การสร้างบ้านพักขายเป็นหลัง การซื้อขายรถหรู การปล่อยกู้ให้กับนักลงทุนโดยให้ดอกเบี้ย 100 ละ 10 เปอร์เซ็นต์ บางครั้งก็อ้างธุรกิจมีปัญหาต้องใช้เงินด่วนขอยืมเงิน แล้วก็จะพูดว่าให้เชื่อใจครู ครูไม่โกงหรอก พวกตนที่เป็นลูกศิษย์ก็ลงเชื่อเพราะเป็นครูที่สอนทำธุรกิจมีความน่าเชื่อถือจึงถูกหลอกสูญเงินร่วมกันกว่า 10 ล้านบาท พอทวงถามเรื่องเงินก็เจอข่มขู่ ว่ามีความรู้ด้านกฏหมายอยากได้ให้ไปฟ้อง แถมพูดให้ชำ้ใจเขาไปอีกว่าก็รวยกันอยู่แล้วเงินแค่นี้จะเป็นอะไรไป จึงร่วมตัวกันมาร้องเรียนที่มูลนิธิให้ช่วยเหลือ
ด้านMR.เควิน อายุ 60 ปี ชาอังกฤษ และน.ส.ทัศณี โคตามา อายุ 46 ปี คู่รักหนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า เมื่อปี 2565 ได้มีโฆษณาชักชวนของสมาพันธ์ดังกล่าวเขามาที่เฟสบุ๊คของตน ว่าเปิดสอนวิชาสร้างรายได้จากอสังหาริมทรัพย์ฟรีไม่คิดค่าใช้จ่าย จึงได้ติดต่อไปเพราะอยากลงทุนทำธุรกิจกันอยู่แล้วจึงเดินทางไปเข้าเรียนที่สมาพันธ์ดังกล่าวทำให้รู้จักกับนายเอ ที่อ้างตนว่าเป็นครูมีความเชี่ยวชาญในเรื่องอสังหาริมทรัพย์อย่างมาก พอเรียนไปได้สักพัก นายเอ ก็โทรศัพท์มาหาชักชวนให้ร่วมลงทุนซื้อที่สร้างบ้านเป็นหลังๆขายจะได้กำไรอย่างงาม จึงลงเชื่อลงทุนไปร่วม 3 ล้านบาท ก่อนมารู้ที่หลังว่าถูกหลอกจากเพื่อนที่ไปเรียนด้วยกัน
ด้านนายศัลยวิทย์ อายุ 57 ปี ทำธุรกิจส่วนตัว หนึ่งในผู้เสียหาย เล่าว่า ตนรู้จักสมาพันธ์ดังกล่าวทางเฟสบุ๊ค เหมือนกับผู้เสียหายคนอื่นๆพอหลงเชื่อเข้าไปเรียนเพื่อจะมาต่อยอดธุรกิจของตน จึงได้รู้จักกับนายเอ ที่มาเป็นครูสอนการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หลังจากนั้นนายเอ ได้โทรศัพท์มาหาตนอ้างว่าธุรกิจของเขามีปัญหาลูกน้องขับรถบรรทุกไปชนคนตาย ต้องใช้เงินไปวิ่งเต้นคดีขอยืมเงินจำนวน 300,000 บาท ตนเห็นว่าเป็นครูที่สอนจึงยอมช่วยเหลือโอนเงินไปให้ หลังจากนั้นไม่นานนายเอ โทรศัพท์กลับมาหาตนอีกครั้งบอกว่าไม่พอให้โอนเงินมาให้อีก โดยจะเอาโฉนดที่ดินมาทำสัญญากู้ยืมจึงยอมโอนเงินไปให้อีกร่วมทั้งหมด 600,000 บาท จนมารู้ว่าถูกหลอก
ด้านน.ส.เฉลิมรัตน์ อายุ 48 ปี เจ้าของธุรกิจส่วนตัว กล่าว่า ตนก็โดนหลอกเหมือนผู้เสียหายคนอื่นๆ แต่ของตนนายเอ มาหลอกว่าให้ร่วมลงทุนปล่อยเงินกู้ระยะสั้นจะได้กำไร 100 ละ 10 เปอร์เซ็นต์ โดยมีการทำสัญญาเอาไว้แทนที่จะเป็นตนทำสัญญากับคนมาขอกู้ แต่กลายเป็นนายเอเป็นคนมาทำสัญญาแทน โดยบอกกับตนว่าไม่ต้องห่วงให้เชื่อใจครู ครูไม่โกงหรอก ตนจึงหลงเชื่อสูญเงินไป กว่า 300,000 บาท
ว่าที่ร.ต.รภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิทวงคืนความยุติธรรมในสังคม กล่าวว่าหลังรับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหายแล้ว พรุ่งนี้จะพาไปยื่นเรื่องร้องเรียนที่กองบังคับการตำรวจปราบปราม ให้ดำเนินคดีครูและสมาพันธ์ดังกล่าวว่าเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ เพราะทุกวันนี้ยังมีการโฆคชวนเชื่อทางสื่อออนไลน์ เกรงว่าจะมีคนไม่รู้ถูกหลอกเพิ่มมากขึ้นไปอีก