13 ส.ค.65 กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอำนวยการของ
พล.ต.ท.จิรภพ ภูเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง.ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป.,
พ.ต.อ.สรร มั่นเมืองรยา รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว
ผกก.6 บก.ป., พ.ต.ท.สมบัติ มีมงคล รอง ผกก.๖ บก.ป., พ.ต.ท.ศิลชัย ถวัลย์ฏิญโย รอง ผกก.๖ บก.ป.,
พ.ต.ท.กันตเมศฐ์ อัครโชควรานนท์ รอง ผกก.๖ บก.ป., พ.ต.ท.วริศร มัจฉา รอง ผกก.๖ บก.ป.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ว่าที่ พ.ต.ต.ศรายุทธ จันซิว สว.กก.6 บก.ป.,
ร่วมกันจับกุม นายฤทธิเกียรติ (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดตรังที่ 219/2563 ลง 14 พฤษภาคม 2563 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น
โดยไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
และร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร
และร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย
สืบเนื่องจากเมื่อประมาณต้นปี 2562 ผู้เสียหายได้ตกลงซื้อยาบ้าจากผู้ต้องหา
แต่หลังจากที่ผู้เสียหายได้รับยาบ้าจากผู้ต้องหาแล้ว ผู้เสียหายไม่ยอมชำระเงินค่ายาบ้าและได้หลบหนีไป
ต่อมาผู้ต้องหาได้ให้เพื่อนลวงผู้เสียหายมาพบที่บ้าน เมื่อผู้เสียหายมาถึง ได้พบพวกของผู้ต้องหา จำนวน ๗ คน ดักรออยู่ พวกของผู้ต้องหาได้ใช้ขวดเบียร์ตีที่ศีรษะของผู้เสียหายและรุมทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายได้หาจังหวะวิ่งหนีออกมาได้ ผู้ต้องหาจึงใช้ปืนยิงขึ้นฟ้าขู่ผู้เสียหาย จำนวน 2 นัด และได้หลบหนีไป จากนั้นผู้เสียหายได้วิ่งไปขอความช่วยจากชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนั้นและได้เดินทางไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ต่อมาผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.นาโยง เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาและพวก
ตามกฎหมาย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สืบทราบว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีไปอาศัยอยู่ในพื้นที่ ต.ทับเที่ยง
อ.เมืองตรัง จ.ตรัง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงเดินทางลงพื้นที่เข้าตรวจสอบ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมไปถึงพื้นที่ดังกล่าว พบตัวผู้ต้องหายืนอยู่ที่ร้านชานมไข่มุก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวและเข้าจับกุม
จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.นาโยง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ป.รวบจิ๊กโก๋เมืองตรัง
ทวงค่ายาบ้าโหด รุมกระทืบปางตาย
13 ส.ค.65 กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอำนวยการของ
พล.ต.ท.จิรภพ ภูเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง.ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป.,
พ.ต.อ.สรร มั่นเมืองรยา รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว
ผกก.6 บก.ป., พ.ต.ท.สมบัติ มีมงคล รอง ผกก.๖ บก.ป., พ.ต.ท.ศิลชัย ถวัลย์ฏิญโย รอง ผกก.๖ บก.ป.,
พ.ต.ท.กันตเมศฐ์ อัครโชควรานนท์ รอง ผกก.๖ บก.ป., พ.ต.ท.วริศร มัจฉา รอง ผกก.๖ บก.ป.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ว่าที่ พ.ต.ต.ศรายุทธ จันซิว สว.กก.6 บก.ป.,
ร่วมกันจับกุม นายฤทธิเกียรติ (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดตรังที่ 219/2563 ลง 14 พฤษภาคม 2563 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น
โดยไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
และร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร
และร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย
สืบเนื่องจากเมื่อประมาณต้นปี 2562 ผู้เสียหายได้ตกลงซื้อยาบ้าจากผู้ต้องหา
แต่หลังจากที่ผู้เสียหายได้รับยาบ้าจากผู้ต้องหาแล้ว ผู้เสียหายไม่ยอมชำระเงินค่ายาบ้าและได้หลบหนีไป
ต่อมาผู้ต้องหาได้ให้เพื่อนลวงผู้เสียหายมาพบที่บ้าน เมื่อผู้เสียหายมาถึง ได้พบพวกของผู้ต้องหา จำนวน ๗ คน ดักรออยู่ พวกของผู้ต้องหาได้ใช้ขวดเบียร์ตีที่ศีรษะของผู้เสียหายและรุมทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายได้หาจังหวะวิ่งหนีออกมาได้ ผู้ต้องหาจึงใช้ปืนยิงขึ้นฟ้าขู่ผู้เสียหาย จำนวน 2 นัด และได้หลบหนีไป จากนั้นผู้เสียหายได้วิ่งไปขอความช่วยจากชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนั้นและได้เดินทางไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ต่อมาผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.นาโยง เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาและพวก
ตามกฎหมาย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สืบทราบว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีไปอาศัยอยู่ในพื้นที่ ต.ทับเที่ยง
อ.เมืองตรัง จ.ตรัง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงเดินทางลงพื้นที่เข้าตรวจสอบ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมไปถึงพื้นที่ดังกล่าว พบตัวผู้ต้องหายืนอยู่ที่ร้านชานมไข่มุก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวและเข้าจับกุม
จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.นาโยง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
