นนทบุรี หนุ่มเข้าใจผิดคิดว่าร้านหลอมทองชื่อดังไม่รับผิดชอบ สุดท้ายโพสต์ขอโทษ ขณะที่ทางร้านสงสารจึงให้เงินสด 2,000 บาท ช่วยจ่ายค่าเช่าห้องที่ติดค้างเขาไว้ จากกรณี นายมาโนช หรือ เปา เกษมณี อายุ 41 ปี ได้โพสต์ข้อความในโซเชียลมีเดีย กล่าวหาว่า ร้านพันธ์ทิพย์หลอมทอง ซึ่งตั้งอยู่ปากซอยวัดบัวขวัญ ถ.งามวงศ์วาน ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี ไม่รับผิดชอบ หลังจากตนนำ ตุ้มหูทองและจี้ทอง ไปให้ทางร้านหลอม แต่ผลปรากฏว่าเปอร์เซ็นต์ทองที่ได้มีเพียง 17% เท่านั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตนได้ไปตรวจสอบเปอร์เซ็นต์ทองจากเครื่องยิงที่ร้านทองในห้างสรรพสินค้าพันทิพย์ งามวงศ์วาน และพบว่าเปอร์เซ็นต์ทองสูงกว่าที่ร้านแจ้งไว้ โดยทางร้านหลอมทองชี้แจคงผลตรวจสอบทองต่ำกว่ามาตรฐาน นายมาโนชเล่าว่า ก่อนหน้านี้ ตนได้นำตุ้มหูทองและจี้ทอง ไปที่ร้าน พันธ์ทิพย์หลอมทอง โดยผู้จัดการร้าน ได้ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นทองชุบ จี้ทองชุบมีเปอร์เซ็นต์ทอง 60% ที่ผิว ตุ้มหูทองชุบมีเปอร์เซ็นต์ทอง 40% ที่ผิว แต่เพื่อให้แน่ใจ ทางร้านได้แจ้งตนว่าสินค้าเป็นทองชุบ ทางร้านไม่ได้รับเนื่องจากมีทองในปริมาณที่ต่ำมาก แต่ตนอยากให้ทางร้านหลอม เพราะมั่นใจในทองที่ตนเองนำมา ทางร้านจึงหลอมตามขั้นตอนเพื่อตรวจสอบเปอร์เซ็นต์ที่แท้จริง อย่างไรก็ตาม เมื่อหลอมเสร็จ ผลที่ออกมากลับพบว่ามีค่าเปอร์เซ็นต์ทองเพียง 17% ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานที่ทางร้านสามารถรับซื้อได้ (ขั้นต่ำ 20%) ทำให้ร้านไม่สามารถรับซื้อทองก้อนดังกล่าวได้ และคืนให้ตนมา ตนเกิดความสงสัยและโต้แย้งว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ทองของตนอาจเป็นทองแท้ชิ้นหนึ่ง และทองชุบอีกชิ้นหนึ่ง แต่เมื่อหลอมรวมกันแล้ว ทำให้เปอร์เซ็นต์ทองลดลง อย่างไรก็ตาม ทางร้านได้ยืนยันผลการตรวจสอบว่า ทั้งสองชิ้นเป็นทองชุบจริง และไม่สามารถรับซื้อได้ตามนโยบายของร้าน ต่อมาเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2568 เวลา 17.30 น. ผู้สื่อข่าวพร้อมนายมาโนชได้เดินทางไปที่ร้าน พันธ์ทิพย์หลอมทอง เพื่อขอคำชี้แจงจาก คุณมุกและสามี เจ้าของร้าน ซึ่งได้อธิบายว่าผลตรวจสอบจากเครื่องเอกซเรย์ของทางร้านยืนยันว่า ทั้งจี้และตุ้มหูเป็นทองชุบ เมื่อนำมาหลอมจึงได้เปอร์เซ็นต์ทองต่ำเพียง 17% และเมื่อตรวจสอบซ้ำอีกครั้งหลังเปิดผิวทอง พบค่าเปอร์เซ็นต์ทองเพียง 2.9% คุณมุกกล่าวว่า ตนอยู่ในธุรกิจทองมานานหลายปีและได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าจำนวนมาก ไม่เคยมีปัญหาใด ๆ มาก่อน การที่มีโพสต์กล่าวหาทำให้ร้านเสื่อมเสียชื่อเสียง และในตอนแรกทางร้านมีแนวคิดที่จะดำเนินคดีทางกฎหมาย อย่างไรก็ตาม หลังจากพูดคุยกัน นายมาโนชยอมรับว่า ที่ตนต้องนำทองมาหลอมเพราะต้องการใช้เงินจ่ายค่าเช่าห้อง ซึ่งยังค้างอยู่ ด้วยความสงสาร คุณมุกและสามีจึงมอบเงินช่วยเหลือจำนวน 2,000 บาท ให้กับนายมาโนชโดยไม่ได้เรียกร้องสิ่งใดกลับคืน และไม่เกี่ยวข้องกับก้อนทองเปอร์เซ็นต์ต่ำที่นายมาโนชนำมาให้หลอม เป็นเพียงความช่วยเหลือด้วยน้ำใจเท่านั้น หลังจากนั้น นายมาโนชจึงได้ไปโพสต์ขอโทษผ่านโซเชียลมีเดีย โดยระบุว่า “ผมขอโทษนะครับสำหรับร้านพันธ์ทิพย์หลอมทอง ที่ผมเข้าใจทางร้านผิด ขอโทษจากใจด้วยครับ” คุณมุก ฝากว่าเหตุการณ์นี้เป็นกรณีตัวอย่างของการเข้าใจผิดระหว่างผู้ใช้บริการและร้านค้า ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดก่อนเผยแพร่บนโซเชียลมีเดีย จึงอยากฝากตรงนี้ไว้ด้วย













