นนทบุรี เตือนภัย สาวกู้ภัยช่วยสาวท้องแก่ เดินมาขอความช่วยเหลือ เล่าปัญหาชีวิต ก่อนลงขันให้เงิน 1,600 บาท ส่งกลับบ้านตจว. ผ่านไป 2 วัน โผล่กรุงเทพ
เมื่อวันที่ 12 มี.ค. 68 ทีมข่าวลงพื้นที่บริเวณแยกติวานนท์ ต.ตลาดขวัญ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี หลังได้รับแจ้งจากน.ส.นฤมล บัวอุทัย หรือพี่หนิง อายุ 44 ปี อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ว่าถูกสาวท้องแก่ 7 เดือน คาดว่าเป็นมิจฉาชีพ เดินมาขอความช่วยเหลือบอกว่าไม่มีเงิน สามีเป็นต่างชาติถูกจับ ถูกล็อคห้องเช่าไม่มีที่อยู่ จึงตัดสินใจลงขันกับกลุ่มเพื่อนอาสาฯ มอบเงินให้ 1,600 บาท และขับรถพาไปส่งที่ขนส่งหมอชิตหวังให้กลับบ้านที่จ.กำแพงเพชร ผ่านไป 2 วัน โผล่อีกทีย่านบางเขน กทม. อ้างเงินหายเลยไม่ได้กลับตจว.ต้องมาแจ้งความ
ทีมข่าวได้พูดคุยกับน.ส.นฤมล หรือพี่หนิง กล่าวว่า เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 8 มี.ค. ที่ผ่านมา มีผู้หญิงท้องแก่คนหนึ่ง (ทราบชื่อต่อมานางสุวิมล อิกเวเซ่ อายุ 36 ปี ชาวจ.กำแพงเพชร) เดินมาที่จุดจอดรถของอาสาสมัครร่วมกตัญญู บริเวณแยกติวานนท์ ลักษณะเหมือนจะเป็นลม ตนจึงเรียกมานั่งและสอบถามที่มาที่ไป โดยผู้หญิงคนดังกล่าวเล่าว่าสามีเป็นชาวไนจีเรีย และถูกจับอยู่ที่สภ.เมืองนนทบุรี ก่อนจะผลักดันออกนอกประเทศ ตอนนี้ไม่มีเงิน ห้องเช่าที่ซ.งามวงศ์วาน 18 ก็ถูกล็อค ไม่มีที่นอน ตนจึงถามว่าจะให้ช่วยเหลือยังไง ซึ่งหญิงคนดังกล่าวบอกว่าอยากกลับบ้านที่จ.กำแพงเพชร ตนและเพื่อนๆอาสาฯจึงลงขันกันช่วยเหลือเพราะสงสาร คนละ 300-500 บาท โดยตนกับสามีได้ช่วยลงขันไป 800 บาท รวมๆกันได้เงิน 1,600 บาท และให้น้องผู้ชายขับรถไปส่งที่สถานีขนส่งหมอชิต วันรุ่งขึ้นตนเข้าใจว่าผู้หญิงคนดังกล่าวกลับถึงบ้านที่ตจว.แล้ว ผ่านไปเพียง 2 วัน มีน้องในทีมไปเจอผู้หญิงคนดังกล่าวที่สน.บางเขน จึงสอบถามว่ามาทำอะไร หญิงคนดังกล่าวบอกว่ามาแจ้งความบัตรปชช. บัตรเอทีเอ็ม และเงินสดหายไป ถูกล้วงกระเป๋าขณะนอนรอรถอยู่ที่สถานีขนส่งหมอชิต ซึ่งตนรู้สึกแปลกใจว่าทำไมหญิงคนดังกล่าวถึงไม่แจ้งความที่สถานีตำรวจใกล้เคียง แต่กลับเดินทางมาแจ้งความถึงที่สน.บางเขน จากนั้นตนจึงพูดคุยกับตำรวจ และประสานเจ้าหน้าที่พม. เพื่อช่วยเหลือ โดยทางพม.จะมารับตัวไปดูแลในวันรุ่งขึ้น แต่พอเช้ามา หญิงคนดังกล่าวได้หายตัวไปแล้ว ซึ่งตนและเพื่อนๆอาสาฯ รู้สึกมั่นใจว่าหญิงคนดังกล่าวน่าจะเป็นมิจฉาชีพ ใช้ความน่าสงสารที่ตั้งท้องแก่ 7 เดือน เพื่อมาขอเรี่ยไรเงิน
น.ส.นฤมล หรือพี่หนิง กล่าวต่ออีกว่า ตนทำงานเป็นอาสาสมัครร่วมกตัญญู มีใจที่เป็นกุศลอยู่แล้ว ในเมื่อมีคนเดือดร้อนมาขอความช่วยเหลือเราก็เต็มใจช่วย โดยที่ไม่รู้ว่าเขาอาจจะมาหลอก พอมารู้ว่าคนที่เราเต็มใจช่วยเหลือเป็นมิจฉาชีพ ทำให้รู้สึกเข็ด และระมัดระวังให้มากขึ้นในการช่วยเหลือคน อยากฝากเตือนภัยว่าสมัยนี้งานหายาก เงินหายาก คนรักงานสบาย คนไทยขี้สงสาร บางคนอาจจะใช้วิธีนี้เป็นอาชีพ หากใครพบเจอหญิงคนดังกล่าวหรือคนที่เข้ามาขอความช่วยเหลือในรูปแบบคล้ายลักษณะนี้ก็อยากให้ไตร่ตรองให้ดี เพราะไม่รู้ว่าที่เข้ามาเป็นมิตรหรือมิจฉาชีพ


