ตร.ไซเบอร์รวบหนุ่มหัวใส ตีมึนโพสต์ขายบัญชีตัวเองเป็นแพ็กเกจรวมมือถือ พร้อมกวาดล้างบุหรี่ไฟฟ้า
.
ตามนโยบาย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน และ “นโยบายรัฐบาลในการจัดการปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติยุค Digital Disruption” แก่ข้าราชการตำรวจระดับผู้บริหารทั่วประเทศ ในโครงการสัมมนาผู้บริหาร ระดับผู้บัญชาการหรือเทียบเท่า และผู้บังคับการหรือเทียบเท่า ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. ในฐานะ ผอ.ศปอส./ผอ.ศตคม.ตร. ได้ขับเคลื่อนนโยบายผ่าน พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะผู้รับผิดชอบควบคุมสั่งการ บช.สอท. และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว
.
วันอังคารที่ 8 มี.ค.68 เวลา 13.30 น. ณ บริเวณชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ บช.สอท. (เมืองทองธานี) นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 และ พ.ต.อ.ชัยรัตน์ วรุณโณ รอง ผบก.สอท.2 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตร.ไซเบอร์รวบหนุ่มหัวใส ตีมึนโพสต์ขายบัญชีตัวเองเป็นแพ็กเกจรวมมือถือ พร้อมกวาดล้างบุหรี่ไฟฟ้า
.
สืบเนื่องจากนโยบายของ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ให้แต่ละกองบังคับการ มีการการระดมจับกุมอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยในโลกไซเบอร์และปราบปรามการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการดำเนินการในทุกๆ เดือน อย่างน้อย 2 ครั้ง เพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
.
ปฏิบัติการที่ 1 สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบแอบพลิเคชัน Facebook ชื่อ Anonymous Participant ได้ทำการโพสต์ข้อความว่า “ใครไม่มี บช.ใช้ทักมาได้นะครับ มีกสิกร scb ขายพร้อมเครื่อง”จากนั้นภายใต้คอมเม้นใน Facebook มีบุคคลสนใจ ผู้ที่ใช้ชื่อ Anonymous Participant จึงได้ลงรูป QR Code ของ แอปพลิเคชัน LINE
.
พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.รุ่งเลิศ คันธจันทร์ ผกก.1 บก.สอท.1 มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการติดต่อไปเพื่อขอซื้อบัญชีธนาคาร โดยตกลงในราคาบัญชีละ 3,500 บาท ซึ่งได้ตกลงทำการซื้อขายกันที่ 4 สมุดบัญชีธนาคาร และได้นัดพบกันที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อทำการซื้อขายสมุดบัญชีธนาคารดังกล่าว
.
ต่อมาเวลาประมาณเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.โชคชัย แสงอยู่, พ.ต.ท.ทินกรณ์ ทองเปรม สว.กก.1 บก.สอท.1 จึงได้เดินทางไปสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อพบ นายธนกรฯ เมื่อพบแล้ว นายธนกรฯ ได้ส่งมอบสิ่งของ โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ OPPO 1 เครื่อง, สมุดบัญชีธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี นายธนกรฯ จำนวน 2 เล่ม และ สมุดบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ ชื่อบัญชี นายธนกรฯ จำนวน 1 เล่ม
.
เมื่อทำการซื้อขายเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเพื่อเข้าจับกุม ในความผิดฐาน “ผู้ใดเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่า หรือให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด” ตามพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
.
ปฏิบัติการที่ 2 ตำรวจไซเบอร์ 2 โดย พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ปกรณ์กิตติ์ ธนวรินทร์กุล ผกก.3 บก.สอท.2 และเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนติดตามจับกุมการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในสื่อออนไลน์ และพบผู้จำหน่ายจำนวน 3 ราย ในพื้นที่ จ.กรุงเทพมหานคร และ จ.นครปฐม จึงรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออำนาจศาล ให้ศาลอนุมัติหมายค้น และต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายค้น เข้าตรวจค้น 3 จุด ดังนี้
.
จุดที่ 1 ณ หอพักแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม จับกุมนายธนาธิป อายุ 27 ปี
ชาวจังหวัดสุพรรณบุรี
จุดที่ 2 ณ หอพักแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม จับกุมนายธนากร อายุ 25 ปี
ชาวจังหวัดกาญจนบุรี
จุดที่ 3 ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ถ.วิภาวดีรังสิต แขวงรัชดาภิเษก เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร
จับกุมนายพัชรพล อายุ 25 ปี ชาวจังหวัดสมุทรปราการ
.
รวมของกลางที่ทำการตรวจยึดทั้ง 3 จุด ดังนี้
1. บุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 1,389 ชิ้น
2. น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 1,036 ชิ้น
3. เครื่องบุหรี่ไฟฟ้า 16 ชิ้น
4. อุปกรณ์อื่นๆ 6 รายการ (ไอแพด, โน๊ตบุ๊ก, ไอโฟน, โทรศัพท์, กล้องวงจรปิด)
.
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ในความผิดฐาน “ฝ่าฝืนประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ.๒๕๕๗,ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจําหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร หรือเคลื่อนย้ายของออกไปจากยานพาหนะ คลังสินค้าทัณฑ์บนโรงพักสินค้า ที่มั่งคง ท่าเรือรับอนุญาต หรือเขตปลอดอากร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานศุลกากร” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
.
นอกจากนี้ยังมีผลการปฏิบัติการจับกุมขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ได้แก่
1. กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 จับกุมนายภูมิรพี อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาโพสต์ขายบัญชีธนาคารไทย/ต่างด้าว/ต่างชาติ ทุกระบบสายขาว ดำ เทา ทางเฟซบุ๊ก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการล่อซื้อบัญชีม้าจากผู้ต้องหาดังกล่าว จนกระทั่งสามารถออกหมายจับ และจับกุมผู้ต้องหาได้ เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2568
.
2. กก.1 บก.สอท.4 จับกุมผู้ต้องหาคดีหลอกลุงทุนในหุ้น และผ่านแพลตฟอร์มลงทุนปลอม 3 ราย 5 หมายจับ รวมความเสียหาย กว่า 10 ล้านบาท
1.น.ส.อรปรียา อายุ 24 ปี ชาว จ.นครสวรรค์
2.น.ส.ศิรประภา อายุ 24 ปี ชาว จ.ชัยภูมิ
3.น.ส.สุพพัตรา อายุ 29 ปี ชาว จ.เชียงราย
.
3. กก.3 บก.สอท.5 จับกุมนายรณกร อายุ 39 ปี ชาว จ.ชุมพร ผู้ต้องหาในคดีหลอกลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล
.
เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ยังคงสืบสวนอย่างต่อเนื่อง และการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ในการตรวจสอบข้อมูลการโอนเงิน และการใช้เทคโนโลยีในการหลอกลวงที่ถูกใช้ในคดีหลายกรณี ที่มีผู้เสียหายจำนวนมาก โดยผู้ต้องหาหลายรายมีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินการธุรกรรมการเงินผ่านบัญชีปลอมและการทำธุรกรรมออนไลน์ในลักษณะหลอกลวง ซึ่งมีการทำงานเป็นระบบตั้งแต่ระดับผู้ปฏิบัติการไปจนถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังที่คอยสั่งการการดำเนินงาน
.
ทั้งนี้ ตำรวจไซเบอร์ยังคงเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเพิ่มความระมัดระวังในการใช้บริการโทรศัพท์และการทำธุรกรรมออนไลน์ พร้อมทั้งแนะนำให้ประชาชนตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือและไม่หลงเชื่อข้อความหรือข้อเสนอที่ดูไม่น่าเชื่อถือจากแหล่งที่ไม่รู้จัก

