ปทุมธานี ร้องปวีณาช่วย 86 ชีวิตถูกหลอกไปทำงานแคนาดาสูญเงินรวมกว่า12ล้านบาท
เมื่อเวลา 18.30 น.วันที่ 7 มีนาคม 2568 ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี (คลอง7) ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี น.ส.ณัชนิษฐ์ ปินใจ อายุ 40 ปี นายศุภกฤต แม้นศรี อายุ 39 ปี และนายภัทร์ธีนันท์ ศรีจันทร์ อายุ 36 ปีตัวแทนกลุ่มคนงานที่ถูกบริษัทหลอกโอนเงินเพื่อไปทำงานที่ประเทศแคนนาดาแล้วถูกปิดบริษัทหนี เดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี โดยมีผู้เสียหายในครั้งนี้กว่า 86 คนสูญเสียเงินไปคนละประมาณ 150,000 บาท รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 12 ล้านบาทและคาดว่ายังมีคนที่ตกเป็นเหยื่อเพิ่มขึ้นอีกเพราะมีชื่อบริษัทที่มีคนจดทะเบียนชื่อเดียวกันคือ นายพรเทพ หีบทอง มี 3 บริษัทได้แก่ บริษัท ไทยทัวร์ วีซ่า แอนด์ ทราเวล จำกัด ,บริษัท เอวา วีซ่า เซ็นเตอร์ แอนด์ทราเวล จำกัด และบริษัท เลิฟแคร์ วีซ่า แอนด์ทราเวล จำกัดที่ต่างปิดบริษัทหนี
น.ส.ณัชนิษฐ์ ปินใจ อายุ 40 ปี กล่าวว่า ตนเองตั้งใจที่จะเดินทางไปทำงานที่ประเทศแคนาดาเพื่อหารายได้โดยเข้าเฟสบุ๊คก็มีเด้งบริษัทจัดหางานไปทำงานที่เเคนาดาเลยติดต่อเข้าไปเพื่อพูดคุยกับเขาแล้วบริษัทบอกให้แอดไลน์ชื่อว่าบริษัทไทยทัวร์ วีซ่า แอนด์ ทราเวล จำกัด หลังจากนั้นได้ทักไปพูดคุยกับเซลลที่ชื่อว่า อัน จากนั้นเขาก็จะเล่าให้ฟังว่า มีงานหลายงานทั้งงานเกษตร เก็บผัก งานแพ็คกิ้ง แพ็คผลไม้ โดยระบุเลยว่า ทำงานที่เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา ซึ่งต่อมาวันนั้นที่ 21 พ.ย. 67 ซึ่งด้วยความที่ไม่เชื่อใจ จึงเข้าไปที่บริษัทดังกล่าวพบบริษัทตั้งอยู่ที่หมู่บ้าน เดอะคอนเนคอเวนิว ซอยรังสิต-นครนายก 63/1 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี แต่เมื่อไปถึงบริษัทล็อคจึงได้โทรไปหาเซลลโดยเขาบอกว่า วันนี้วันเสาร์คนจะน้อย จึงได้โทรนัดกันไปเมื่อเห็นบริษัทเขาแล้วก็เกิดความหน้าเชื่อถือเพราะมีโต๊ะคอมมีอะไรเป็นรูปแบบบริษัทจริง ๆ โดยบรรยากาศที่เขาสร้างมาหน้าเชื่อถือ แล้วมีใบทะเบียนการค้า ซึ่งเขาบอกว่า ไม่ให้ถ่ายแต่เราก็แอบถ่ายมาเพื่อที่จะไปตรวจสอบว่า มีบริษัทนี้จริงหรือไม่ แต่เราก็พึ่งมาทราบตอนหลังว่า เป็นการจดทะเบียนในรูปแบบร้านอาหาร ซึ่งวันที่เราเข้าไปนั้นในออฟฟิศมีพนักงานแค่ 2 คน แต่พอหลังจากที่ได้มีการจ่ายเงิน จำนวน 48,000 บาท แล้วเขาบอกต้องรอ 14 วันเพื่อที่จะเข้ามาทำการสแกนม่านตา และพิมพ์ลายนิ้วมือ เพื่อที่จะทำวีซ่า ถ้าวีซ่าผ่านทุกอย่างก็จบแล้ว เพราะทางนายจ้างเขาจะจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินให้ด้วย ซึ่งหลังจากที่นัดกันแล้วก็ไปทำการสแกนม่านตา และพิมพ์ลายนิ้วมือที่สถานฑูต เสร็จแล้วทางเจ้าหน้าที่ก็มียืนรอเพื่อเอาพาสปอร์ตและเอกสารให้เข้าไปสแกน หลังจากเสร็จก็ต้องเอาเอกสารและพาสปอร์ตคือให้เจ้าหน้าที่ของบริษัทไปเขาบอกว่า ผ่านเรียบร้อยแล้วรอเอาเล่มไปแสตมป์ให้เรารอประมาณ 15 วันไม่เกิน 45 วัน หลังจากนั้นเขาก็บอกว่าผลวีซ่าผ่านแล้วนะ ต่อมาวันที่ 21 ม.ค. 68 ได้โทรมาบอกว่า มีงานแล้วนะแต่ต้องจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินเองเป็นเงิน 85,000 บาท แต่ต้องจ่ายภายในวันที่ 24-25 ม.ค.นี้เท่านั้น ไม่งั้นจะโดนยกเลิกวีซ่าได้นะ เราก็เลยรีบไปหาเงินมาจ่ายตรงนี้ และยังมีค่าใช้จ่ายอย่างอื่นอีก โดยรวมๆ แล้วของตนเสียไปทั้งหมดร่วม 250,000 บาท เพราะจ่ายให้เพื่อนไปด้วย ซึ่งถ้าต่อคนก็ประมาณ 150,000 บาท ซึ่งการโอนเงินจะต้องไปโอนที่ออฟฟิศ และจะโอนเงินเข้าบริษัท บจก. ไทยทัวร์ วีซ่า แอนด์ ทราเวล
ส่วนนายภัทร์ธีนันท์ ศรีจันทร์ อายุ 36 ปี กล่าวว่า ตนเองก็มีลักษณะคล้ายๆ กับพี่คนแรก คือทักไปในเฟสบุ๊ค แล้วเชิญเข้ามาคุยที่ออฟฟิศ โดยเขาก็บอกว่าเงินที่แคนนาดาจะดีกว่าออสเตรีย แล้วก็ได้มีการนัดชำระเงิน แต่ตนเองก็ได้มัดจำไป 15,000 บาท แล้วที่เหลือ 34,000 บาท เดือนพ.ย. จะเข้ามาชำระพอวันที่ 30 พ.ย. เราก็เข้าไปโอนที่ออฟฟิศเขา โดยตั้งแต่โอน 15,000 บาทไปเขาก็ได้ไปดำเนินการของเขาเกี่ยวกับเรื่องการจองโรงแรม ตัวเครื่องบินไปกลับ ขอวีซ่า ซึ่งเป็นแผนการเดินทางซึ่งเราก็ได้ดูแล้วก็เชื่อมั่นซึ่งเขาทำได้เนียน ในฐานะที่เราเคยเดินทางไปต่างประเทศ แล้วเขาก็ส่งมาให้เราดูให้เราตรวจ จนไปสแกนม่านตา และพิมพ์ลายนิ้วมือที่สถานฑูตเสร็จ เราก็รอวีซ่าออกช่วงมกราคม 68 ซึ่งของผมโดนวีซ่าไม่ผ่าน แล้วเราก็โทรคุยเลยว่า ต่อไปจะทำอย่างไร ซึ่งมีการยื่นอุทรณ์หรือป่าวแล้วก็จะต้องเตรียมเอกสาร แต่พอมาคุยที่ออฟฟิศ เขาก็เลยได้เสนอมาอีกแบบหนึงว่า พี่ต้องการไปแบบ 100 เปอร์เซนต์ไหม ทำเป็น Work permit ไหมซึ่งตัวนี้ต้องทำเรื่องขอที่ประเทศแคนาดา ซึ่งเราดูแล้วมันก็เป็นไปได้เลยเชื่อไปอีกระดับหนึ่ง ซึ่งเขาก็ได้เสนอมาอีก 65,000 บาท แล้วเราก็ไม่มีเงินแล้วเลยให้น้องไปต่อแต่ผมลืมบอกว่าตอนที่เสีย 49,000 บาทไป เขาใช้ชื่อบริษัท เลิฟแคร์ วีซ่า แอนด์ทราเวล จำกัด ซึ่งมีอยู่ครั้งหนึ่งเราเข้าไปแล้วเขาเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท เอวา วีซ่า เซ็นเตอร์ แอนด์ทราเวล จำกัด เราก็ตกใจว่า เรามาถูกบริษัทไหม เมื่อเราเข้าไปเขาก็บอกว่า ไม่ต้องตกใจ เราเปลี่ยนผู้บริหารใหม่ การทำงานจะไม่เหมือนเดิมแล้ว ซึ่งเขาบอกว่า ผู้บริหารใหม่คนนี้ทำงานดีกว่าเดิม และรวดเร็วขึ้น
ด้านนายศุภกฤต แม้นศรี อายุ 39 ปี กล่าวว่า ของผมก็เป็นแบบเดียวกันจนมาถึงขั้นตอนการเดินทาง เขาบอกว่า การเดินทางนายจ้างไม่หักค่าอะไรเลย แต่ถ้ารอตามรอบนั้นคิวอยู่ที่ 100 กว่าประมาณกรกฎาคม หรือ สิงหาคม ผมเลยยอมจ่ายเพิ่มไป 89,000 บาท แล้วเขาก็บอกว่าจ่ายเสร็จก็จะมีรอบบินที่ 28 ก.พ.แล้วก็ 10 มีนาคม 68 แต่พอวันที่ 27 ก.พ. เขาบอกว่าเป็นบอสที่ต่างประเทศโทรมาคุยว่า ถ้าจะบินวันที่ 28 ก.พ. จะไม่มีใครไปรับที่สนามบิน แต่เรื่องเอกสารทางเราจะเทรนแล้วให้เราเดินทางไปคนเดียวที่แคนาดา แต่ถ้าเดินทางวันที่ 10 มีนาคม ทางผมและพนักงานจะเดินทางไปส่งที่สนามบิน และที่ประเทศแคนาดา แล้วก็จะพาเข้า จนมาถึงวันนี้ เขานัดผมมารับพาสปอร์ต และตั๋วเครื่องบิน ผมเดินทางมาจากขอนแก่น โดยผมมาถึงฟิวเจอร์พาร์ครังสิตตอนตี 5 ไลน์แอดที่เขาตั้งไว้ มันเด้งแจ้งเตือนมาว่า วีซ่าของท่านถูกยกเลิก ผมก็ตกใจว่า ถูกยกเลิกเพราะทางสถานฑูตแคนนาดา ตรวจสอบพบว่า บริษัทจะพาคนไปทำงานไม่ได้ไปเที่ยว เขาเลยบอกว่า จะคืนเงินภายในวันที่ 30 มี.ค. แต่ว่าถ้าจะคืนเงินทำไมปิดบริษัทหนี ทำไมไม่คุยกัน แต่มาปิดบริษัทหนี ซึ่งของที่เคยอยู่ในนั้น ไม่มีอะไรเหลือเลย ผมเข้าไปเหลือแต่สายแลน โดยค่าใช้จ่ายแล้วแต่บางคน 55,000 บาทก็มีแต่ผมจ่ายไป 48,000 บาท แต่ค่าตั๋วเครื่องบินจะเท่ากันคือ 98,000 บาท โดยยอดรวมของผมคือ 148,000 บาทที่ได้จ่ายไปแล้ว
ด้านนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี กล่าวว่า วันนี้ตอนหกโมงเย็น ทางมูลนิธิฯได้รับเรื่องร้องเรียนทางโทรศัพท์ว่ามีผู้เสียหาย จำนวน 37คนจะเดินทางมาร้องขอความช่วยเหลือซึ่งผู้เสียหายมีทั้งมาจากต่างจังหวัดและกรุงเทพฯซึ่งบางคนก็เดินทางมาอบรม และเมื่อมาถึงบริษัทดังกล่าวต้องตกใจพบว่าบริษัทได้ปิดตัวไปแล้วก็เลยพากันไปแจ้งร้องทุกข์ไว้ที่แรงงานจังหวัดปทุมธานี จากนั้นพากันมาที่มูลนิธิปวีณาฯ โดยทางมูลนิธิปวีณาฯ หลังจากรับเรื่องเบื้องต้นก็ได้ประสานทาง พ.ต.อ.ปริญญา ทองมา ผกก.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ โดยในวันพรุ่งนี้เวลาประมาณ 09.00 น.ก็จะให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาพร้อมผู้เสียหายทั้ง 37 คนไปแจ้งความลงบันทึกประจำไว้เป็นหลักฐาน ผู้เสียหายทุกคนได้ไปแจ้งเรื่องไปที่แรงงานแล้วก็ตาม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องให้ผู้เสียหายไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ด้วยเชื่อว่า ถ้าเราดำเนินการเร็วก็จะเป็นประโยชน์แก่ผู้เสียหายทุกคนและสิ่งนี้ก็อยากบอกให้ทราบว่า ขบบวนการหลอกลวง ต้มตุ๋น ให้เดินทางไปทำงานต่างประเทศนั้นหลอกว่า จะมีงานทำมีงานต่างประเทศให้ทำมากมายซึ่งล่าสุดก็มีเหยื่อหลอกทำงานที่แคนาดามาร้องทุกข์กับทางมูลนิธิปวีณาไว้ 50 กว่าคน และทั้งหมดที่โดนหลอกรวมแล้วกว่า 90 คนซึ่งทั้งสองเคสนี้ในวันจันทร์นี้ทางมูลนิธิปวีณาก็จะพาไปกระทรวงแรงงานติดตามเรื่องนี้และก็อยากจะประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่า ถ้าเราอยากจะไปทำงานที่ต่างประเทศจริง ๆ ก็ให้ประสานกับกระทรวงแรงงานหรือสอบถามที่กระทรวงการต่างประเทศก็ได้ทราบว่าประเทศนั้นๆ เขาต้องการคนงานทำงานจริงหรือไม่และทำงานเกี่ยวกับอะไร ที่หลอกไปทำงานแคนาดาแล้วก็ยังมีการขบวนการหลอกไปทำงานที่ ดูไบ บาเรน ซึ่งถูกหลอกไปค้าประเวณีซึ่งมูลนิธิฯเป็นห่วงคนไทยที่ถูกหลอก


 
			 
			
 
                                








