นนทบุรี ต่อข่าว ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ ตรวจสอบบ้านไฟไหม้เงินหาย 10 ล้าน จ่อออกหมายจับ 2 สามีภรรยา
จากกรณีเมื่อวันที่ 23 ก.พ. 68 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ รับแจ้งเหตุเพลิงลุกไหม้บ้านพัก 2 ชั้น ภายในบ้านพักกรมชลประทาน ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี ซึ่งเพลิงลุกไหม้ห้องนอนชั้นล่างได้รับความเสียหาย ภายหลังจากเหตุเพลิงไหม้สงบลง เจ้าของบ้านได้เข้าไปตรวจสอบภายในบ้าน อ้างว่าได้นำเงินสด จำนวน 10 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินของเจ้านาย เก็บไว้ในห้องนอน ถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด ต่อมา เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ ได้ตรวจสอบรถยนต์ ยี่ห้อ มิตซูบิชิ ปาเจโร หมายเลขทะเบียน ฆฐ 2492 กทม. ภายในรถพบเงินสด จำนวน 6.5 ล้านบาท บรรจุอยู่ในซองกระดาษสีน้ำตาล จึงได้ทำการตรวจยึดเพื่อนำมาตรวจสอบ
ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 4 มี.ค. 68 พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ พร้อมด้วยพนักงานสอบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ ได้ลงพื้นที่บริเวณจุดเกิดเหตุบ้านพักที่เกิดเพลิงไหม้ ภายในบ้านพักกรมชลประทาน ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี เพื่อตรวจสอบสภาพที่เกิดเหตุในจุดที่มีข้อสงสัย และสรุปคดี โดยพบว่าประตูบ้านถูกล็อคกุญแจ มีรถจยย. และกล่องพัสดุวางอยู่บริเวณหน้าบ้าน สอบถามชาวบ้านยังไม่มีใครพบเห็นทางครอบครัวน.ส.นิตยา กลับมาที่บ้านหลังจากเกิดเหตุ
พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ กล่าวว่า วันนี้ลงพื้นที่มาตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อสรุปคดี ได้ประสานทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเพื่อให้ส่งรายงานการตรวจพิสูจน์ให้กับพนักงานสอบสวนในช่วงเช้าวันนี้ เบื้องต้นจากการตรวจสอบไม่ได้เกิดจากกระแสไฟฟ้า รอผลพิสูจน์หลักฐานยืนยัน และจะขอศาลออกหมายจับ จำนวน 2 คน คือ นายฤทธิกร และน.ส.นิตยา สองสามีภรรยา ในข้อหาแจ้งความเท็จ และทำให้เกิดเพลิงไหม้ ส่วนที่ต้องแจ้งข้อหาแจ้งความเท็จ เนื่องจากสองสามีภรรยา เข้ามาแจ้งความว่าเพลิงไหม้เงินจำนวน 10 ล้านบาท ตรวจสอบที่เกิดเหตุเงินจำนวนดังกล่าวไม่ได้ถูกไหม้จริง ส่วนเส้นทางการเงินจะแยกส่วนกัน เรื่องเงิน 6.5 ล้านบาท กำลังหาที่มาที่ไปของเงิน อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลเรื่องเส้นทางการเงินว่าจะเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเรื่องบัญชีม้าหรือการฟอกเงินหรือไม่ แต่เรื่องที่ชัดเจนเป็นเรื่องของการแจ้งความเท็จกับเรื่องเพลิงไหม้ ตอนนี้ทางฝ่ายสืบสวนทราบข้อมูลผู้ก่อเหตุแล้วอยู่ระหว่างเร่งติดตามตัว ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งใช้หลักการสืบสวนสอบสวนตามหลักวิชาชีพของตำรวจ เพื่อสรุปเรื่องของคดี
ด้านลุงแก้ว อายุ 62 ปี เพื่อนบ้าน กล่าวว่า วันนี้ตนเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบที่เกิดเหตุเพิ่มเติม แต่ไม่รู้เรื่องการออกหมายจับครอบครัวนี้ ตอนนี้ชาวบ้านเดือดร้อนกันไปหมดเนื่องจากโดนไล่ที่ อยู่ตรงนี้มา 5-6 ปี และต้องรีบหาที่อยู่ใหม่ ซึ่งหามา 2 วันก็ยังไม่ได้ ปกติไม่รู้จักกันแต่เคยเห็นเดินผ่านไปมา ตอนแรกตนไม่เชื่อว่าครอบครัวนี้มีเงินหลัก 10 ล้าน แต่พอเห็นข่าวจึงรู้ว่ามีเงินจริง



