วันหยุดแต่ ตร.ไซเบอร์ไม่หยุด ลุยล่าโจรไซเบอร์ หลังรัฐบาลไทยกดดันเพื่อนบ้าน จนผลักดันแก๊งคอลออกนอกพื้นที่ . ตามนโยบาย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. ในฐานะ ผอ.ศปอส.ตร. ได้ขับเคลื่อนนโยบายผ่าน พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะผู้รับผิดชอบควบคุมสั่งการ บช.สอท. และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์ และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว . วันที่ 17 ก.พ.68 เวลา 09.00 น. ณ บริเวณชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ บช.สอท. (เมืองทองธานี) นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ ผบก.สอท.4 และ พล.ต.ต.ศิลา กาญจน์รักษ์ ผบก.ตอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว วันหยุดแต่ ตร.ไซเบอร์ไม่หยุด ลุยล่าโจรไซเบอร์ หลังรัฐบาลไทยกดดันเพื่อนบ้าน จนผลักดันแก๊งคอลออกนอกพื้นที่ . สืบเนื่องจากสถานการณ์ที่ไทยได้กดดันประเทศเพื่อนบ้านตามมาตรการของรัฐบาล เพื่อให้ประเทศใกล้เคียงเร่งแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ส่งผลให้เกิดการผลักดันผู้กระทำผิดกลับมายังประเทศไทย โดยช่วงวันที่ 15-16 ก.พ.68 ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ตำรวจไซเบอร์ทั่วประเทศ เร่งกวาดล้างจับกุมผู้ต้องหาคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่อาจเป็นผู้ต้องหากลุ่มดังกล่าว ทั้งเครือข่ายฉ้อโกงประชาชน, หลอกลวงให้ลงทุนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยเฉพาะสินทรัพย์ดิจิทัลและสกุลเงินดิจิทัล (Crypto Currency) รวมถึง บัญชีม้า การฟอกเงิน และการกระทำผิดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง . โดยมีผลการปฏิบัติ ดังนี้ . 1. กก.1 บก.สอท.1 ร่วมกันจับกุม นายพรชัย อายุ 48 ปี บริเวณริมถนนซอยวัดอัมพวา แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กทม. ตามหมายจับศาลจังหวัดนครราชสีมา ที่ จ.99/2568 ลงวันที่ 14 ก.พ.68 ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่นอันเป็นปกติธุระ ร่วมกันโดยทุจริตนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จทั้งหมดหรือบางส่วนโดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนร่วมกันสนับสนุนหรือสมคบตั้งแต่ สองคนกระทำความผิดฟอกเงิน” . โดยนายพรชัย เป็นผู้ต้องหาในเครือข่ายหลอกลงทุนทรัพย์สินดิจิทัล โดยมิจฉาชีพได้ใช้เฟสบุ๊กปลอมที่ใช้ภาพโปรไฟล์เป็นผู้หญิงหน้าตาดี อ้างตัวเองว่าเป็นนักลงทุนซื้อขายเหรียญดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์ม “ STREAMING SERVICE ” จากนั้นชักชวนผู้เสียหายโอนเงินลงทุน ผ่านแพลตฟอร์มดังกล่าว สุดท้ายสูญเงินไป 509,163 บาท โดยขณะนี้สามารถออกหมายจับผู้หาในเครือข่ายได้แล้ว 7 ราย เป็นชาวมาเลเซีย 4 ราย และคนไทย 3 ราย ซึ่งเครือข่ายนี้สร้างมูลค่าความเสียหายไปแล้ว จำนวน 3,673,144 บาท . 2. กก.3 บก.สอท.2 ร่วมกันจับกุม นายฐานัส อายุ 31 ปี บริเวณวัดกกม่วง หมู่ 7 ต.บางปลาม้า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี ตามหมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรีที่ 249/2568 ลงวันที่ 13 ก.พ.68 ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นผู้อื่น และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบตอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูล คอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูล คอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยกระทำต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งและเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตนโดยมิได้มีเจตนาเพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้หมายเลขโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน” . 3. กก.1 บก.สอท.3 ร่วมกันจับกุม นายอนุชัย อายุ 29 ปี บริเวณใต้ถุนบ้านพัก ในพื้นที่ ม.7 ต.บะยาว อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี ตามหมายจับ ศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ จ.201/2567 ลงวันที่ 9 เม.ย. 67 ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่นและร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด ฐานผู้ใดเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากของตนโดยมิได้เจตนาใช้เพื่อตนหรือใช้ในกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด” . 4. กก.1 บก.สอท.4 ร่วมกันจับกุม นายอมรเทพ อายุ 25 ปี ได้ที่บ้านพักในพื้นที่ ม.1 ต.ปะอาว อ.เมืองอุบลราชธานี จ.อุบลราชธานี ตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ที่จ.123/2568 ลงวันที่ 16 ม.ค.68 ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” . และร่วมกันจับกุม น.ส.กชพร อายุ 40 ปี ได้บริเวณร้านอาหารริมน้ำแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ม.4 ต.เขื่องใน อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ 160/2568 ลงวันที่ 3 ก.พ.68 ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ,โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน หรือเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตนโดยมิได้เจตนาเพื่อตน หรือกิจการที่ตนโดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี” . 5. กก.4 บก.สอท.4 ร่วมกันจับกุม MS.SOUDAVANH อายุ 35 ปี สัญชาติลาว บริเวณจุดผ่านแดนถาวรสามเหลี่ยมทองคำ (บ้านสบรวก) ม.1 ต.เวียง อ.เชียงแสนจ.เชียงราย ตามมหมายจับศาลอาญา ที่ 164/2568 ลง 13 ม.ค.2568 ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชาชน,ร่วมกันโดยทุจริต หรือหลอกหลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” . 6. กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.4 ร่วมกันจับกุม นายทศพล อายุ 33 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.1266/2567 ลงวันที่ 13 ธ.ค.67ในข้อหา “เป็นผู้สนับสนุนในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และเป็นผู้สนับสนุนในความผิดฐานร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยการกระทำต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง” . โดยนายทศพล เป็นผู้ต้องหาในขบวนการหลอกให้ลงทุนซื้อขายเหรียญดิจิตอล ซื้อเหรียญ USDT ในแพลตฟอร์มของ CIEX สร้างมูลค่าความเสียหายกว่า 390,000 บาท นอกจากนี้ เจ้าหน้สที่ตำรวจยังพบว่า นายทศพลตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับอีก 5 หมายจับ ทั้งในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี จ.เชียงใหม่ จ.แพร่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ จ.สุราษฎร์ธานี . รวมตลอดเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา จับกุมผู้ต้องหาได้ 7 ราย พร้อมตรวจยึดหลักฐานสำคัญ รวมถึง บัญชีม้า และข้อมูลเชื่อมโยงเครือข่ายอาชญากรรมออนไลน์ โดยตำรวจไซเบอร์อยู่ระหว่างขยายผลเพื่อสืบสวนถึงกลุ่มนายทุน ่ผู้บงการ รวมทั้งแพลตฟอร์มที่ใช้หลอกลวงมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


