ร้องกองปราบ โดน 2 พี่น้องอดีตนายพลตำรวจแสบ พยายามแย่งการครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. 94 ไร่ เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 17 ก.พ.68 ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. นายสุทธิ บัณฑูรนิพิท (พี่ชาย) อายุ 67 ปี และ น.ส.เขมจิรา บัณฑูรนิพิท อายุ 61 ปี เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ณัฐนันท์ จะสูงเนิน รอง สว.(สอบสวน) กก.2 บก.ป.แจ้งความให้ดำเนินคดีนาย เค(นามสมมุติ) และ พล.ต.ต. นายพลเกษียณฯ สองพี่น้อง ที่พยายามจะเข้ามายึดครองที่ดิน จำนวน 94 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดิน สปก. ใน ต.บ่อพลอย อ.บ่อไร่ จ.ตราด ที่ได้รับการกระจายสิทธิต่อจากคุณพ่อที่เสียชีวิต แบ่งให้กับลูกทั้ง 4 คน หลังจากอนุญาตด้วยวาจาให้เข้าคนปลูกสับปะรด รับจ้างปลูกกล้ายาง แลกกับการไม่เก็บค่าหน้าดินในการปลูกสับปะรด และ พอ 3 ปียกต้นยางพาราให้เจ้าของที่ดิน จากนั้นคนปลูกสับปะรดทิ้งที่ดินไปปลูกที่ใหม่โดยไม่ดูแล แต่เมื่อเจ้าของที่กลับมาพัฒนาปรับปรุงที่ดินจนสามารถกรีดยางได้ นายเคกลับพาคนงานเขมร 4 คน บุกรุก มาขโมยกรีดยาง แจ้งความ ตร.สภ.บ่อไร่ มาจับก็แอบเปลี่ยนตัวผู้คนงานต้องหากรีดยางระหว่างทางถึง 3 รอบ นายสุทธิ กล่าวว่า นายนคร บัณฑูรนิพิท บิดาตนได้สิทธิครอบครองที่ในเขต ม.2 ต.บ่อพลอย อ.บ่อไร่ จ.ตราด จำนวนรวม 94 ไร่ ก่อนบิดาจะเสียชีวิตปี 2551 ได้แบ่งกระจายสิทธิครอบครองทำกินที่ดินดังกล่าวให้ลูกทั้ง 4 คน โดยไม่เคยสละสิทธิการครอบครองและไม่เคยให้ใครเช่าที่ดิน อีกทั้งทายาททุกคนเสียภาษีบำรุงท้องถิ่นมาทุกปี ต่อมา ปี 2553 นายพลตำรวจเกษียณราชการ (คนน้อง) ได้ติดต่อคนรับจ้างปลูกยางพารา โดยตกลงกันปากเปล่าไม่ได้ทำหนังสือสัญญา ตกลงให้ทำการเกษตรภายในระยะเวลา 3 ปี และไม่มีการเรียกเก็บค่าเช่า แต่หากครบกำหนด 3 ปี ต้นยางพาราทั้งหมดจะตกเป็นของเจ้าของที่ดิน เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับการไม่เก็บค่าเช่าหน้าดิน นายสุทธิ เล่าต่อ ภายหลังมาปี 2557 ผู้ปลูกสับปะรดทิ้งปล่อยให้ที่ดินรกร้าง ทำให้ต้นยางพาราส่วนใหญ่ตาย กว่า 80 % ส่วนสับปะรดตายหมด ต้นยางพาราที่อ้างว่าจำนวน 5,000 ต้น เมื่อนับจริงๆ มีเหลือแค่ 800 ต้นเท่านั้น น.ส.เขมจิรา กล่าวว่า ตนและครอบครัวเข้าไปทำกิน ว่าจ้างรถแทรกเตอร์ไปปรับสภาพหน้าดินที่รกร้างจนสภาพดีขึ้นพร้อมกับดูแลต้นยางที่เหลือ 800 ต้น ให้กลับมาอยู่ในสภาพดีจนสามารถกรีดน้ำยางได้ ต่อมา ช่วงปลายปี 2567 นาย เค. (พี่ชายอดีตนายพลตำรวจ) เห็นว่าต้นยางให้ผลผลิตได้ แล้วจึงพาคนงานชาวเขมร 4 คนเข้ามาลักขโมยกรีดนำ้ยางพาราไปขาย โดยพกปืนสั้นไว้ที่เอว ตนจึงไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พงส.สภ.บ่อไร่ ภ.จว.ตราด 3 ครั้ง แต่นาย เค. ได้แอบเปลี่ยนตัวคนงานเขมรเหล่านั้นระหว่างทาง เมื่อตนตามไปโรงพักเห็นว่าไม่ใช่คนงานที่พามากรีดยางจึงไม่ชี้ตัว นอกจากนี้ นาย เค.ยังได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับอดีตผู้ใหญ่บ้านและคนงานกรีดยางของตน กล่าวหาว่าทำให้เสียทรัพย์ที่เป็นต้นยางพาราของเขาเสียหาย ทั้งๆ ที่ที่ดินผืนนี้เป็นที่ของตนเองและครอบครัวแท้ๆ ต่อมาเดือน ม.ค.68 พล.ต.ต.น้องชายที่อยู่เบื้องหลังได้ให้นาย เค.พี่ชายไปร้องขอ ส.ป.ก.จังหวัดตราด ยืนขอเช่าที่ สปก.ทั้ง 94 ไร่นี้ เบื้องต้นพนักงานสอบกองปราบฯ ถามรายละเอียดจากผู้เสียหายก่อนจะตรวจสอบไปทาง สภ.บ่อไร่ ได้รับแจ้งว่า ได้ออกหมายเรียก นาย เค.และคนงานกรีดยางมาพบ พงส.เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อดำเนินคดีข้อหาบุกรุก และ ลักทรัพย์ ไว้เบื้องต้นแล้ว ส่วนกรณีที่มีการพกพาอาวุธปืนเข้ามาข่มขู่นั้นให้แจ้งความดำเนินคดีได้ทันที
