สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมหารือมาตรการการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกับนานาประเทศ ณ การประชุม ADEC 27 กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
ในวันอังคารที่ 28 – วันพุธที่ 29 มกราคม 2568 พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. มอบหมายให้นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. และผู้แทนจาก สกต. และ สปป. เป็นคณะผู้แทนสำนักงาน ป.ป.ส. เข้าร่วมการประชุมการปราบปรามยาเสพติดระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก ครั้งที่ 27 (The 27th Asia – Pacific Operational Drug Enforcement Conference: ADEC) ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น พร้อมด้วย พลตำรวจโท สันติ ชัยนิรามัย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และผู้แทนจากกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ในฐานะคณะผู้แทนประเทศไทย การประชุมฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ปัญหายาเสพติด กระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเสริมสร้างความร่วมมือในการปราบปรามยาเสพติด โดยผู้เข้าร่วมการประชุมฯ ครั้งนี้ ประกอบด้วยผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจาก 24 ประเทศ และ 3 องค์การระหว่างประเทศ
ในห้วงพิธีเปิดการประชุมฯ ในวันอังคารที่ 28 มกราคม 2568 นายคุสึโนกิ โยชิโนบุ (Mr. Kusunoki Yoshinobu) ผู้บัญชาการตำรวจญี่ปุ่น ได้กล่าวต้อนรับคณะผู้แทนฯ เข้าสู่การประชุมฯ โดยกล่าวถึงสถานการณ์ยาเสพติดในภูมิภาค ว่ามีการแพร่ระบาดของยาเสพติดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมทแอมเฟตามีนและยาเสพติดประเภทสารสังเคราะห์และวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทชนิดใหม่ (New Psychoactive Substance: NPS) อีกทั้งได้เน้นย้ำถึงอันตรายของปัญหายาเสพติดที่นับว่าเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อสังคมโลก นายคุสึโนกิ โยชิโนบุยังได้กล่าวถึงความสำคัญของการจัดประชุม ADEC ที่ได้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 เพื่อเป็นเวทีให้นานาประเทศได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนข้อมูลและความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ปัญหายาเสพติด กระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเสริมสร้างความร่วมมือในการปราบปรามยาเสพติด เนื่องจากปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อทุกประเทศ ดังนั้น การประสานความร่วมมือระหว่างประเทศจึงมีความจำเป็นและสำคัญยิ่งในการแก้ไขปัญหายาเสพติด
การประชุม ADEC 27 มุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนข้อมูลใน 3 หัวข้อหลัก ได้แก่ แนวโน้มสถานการณ์การผลิตและการลักลอบลำเลียงยาเสพติด คดีตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จจากการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ และมุมมองด้านยาเสพติดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยตลอดห้วงระยะเวลาในการประชุมระหว่างวันอังคารที่ 28 – วันพุธที่ 29 มกราคม 2568 เป็นวาระการนำเสนอข้อมูลตามประเด็นหลักดังกล่าวข้างต้นของผู้แทนจากหน่วยงานของประเทศและองค์การระหว่างประเทศต่าง ๆ ได้แก่ สำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (UNODC) องค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ (INTERPOL) หน่วยงานกลางด้านยาเสพติด หน่วยงานตำรวจและศุลกากร ได้แก่ ญี่ปุ่น ไทย สหรัฐอเมริกา อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ศรีลังกา อินเดีย เยอรมนี กัมพูชา เปรู เนเธอร์แลนด์ เวียดนาม แคนาดา และนิวซีแลนด์ ตามลำดับ
ผู้แทนประเทศไทย จากสำนักงาน ป.ป.ส. และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้นำเสนอรายงานสถานการณ์ยาเสพติดของไทยในปัจจุบัน การเป็นแหล่งพักยาและทางผ่านการลำเลียงยาเสพติดไปยังประเทศที่สาม ประเทศไทยจึงมีการดำเนินการป้องกันเชิงรุกโดยมีกลไกการบูรณาการร่วมระหว่างหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของไทยในการตรวจสอบสิ่งของหรือสัมภาระที่ถูกส่งออกจากประเทศไทย อาทิ คณะทำงานสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด ณ ท่าอากาศยานสากล (Airport Interdiction Task force: AITF) และคณะทำงานสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด ณ ท่าเรือสากล (Seaport Interdiction Task force: SITF) รวมถึงการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ ในหลายกิจกรรมที่สำคัญ เช่น การประสานงานและสืบสวนขยายผลเป้าหมายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญและความร่วมมือในการส่งตัวผู้ต้องหาที่หลบหนีหมายจับคดียาเสพติด อาทิ ปฏิบัติการโพไซดอน ที่สามารถติดตามจับกุมตัวนายอานันต์ บินลาเตะ และผู้ต้องหารายสำคัญ ซึ่งการจับกุมในครั้งนี้ถือเป็นตัวอย่างความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมอันเกิดจากความร่วมมือกันของนานาประเทศ
ในภาพรวมของการประชุมทั้งสองวัน แต่ละหน่วยงานได้นำเสนอสถานการณ์และแนวโน้มของปัญหายาเสพติดในประเทศของตน ความท้าทายและแนวทางการแก้ไขปัญหายาเสพติด ทั้งนี้ ที่ประชุมฯ มีความเห็นที่สอดคล้องกันว่าปัญหายาเสพติดทวีความรุนแรงและซับซ้อนมากขึ้น โดยเห็นได้จากสถิติการจับกุมผู้ต้องหาและการตรวจยึดยาเสพติด และสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ที่ยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกัญชา โอปิออยด์ และสารสังเคราะห์แอมเฟตามีน นอกจากนี้ ยังมีข้อห่วงกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของ NPS และเฟนทานิล การรั่วไหลของเคมีภัณฑ์ระหว่างประเทศ การใช้เคมีภัณฑ์ที่ไม่มีการควบคุม การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี การสื่อสารออนไลน์ Dark Web และสกุลเงินดิจิทัล ในการทำธุรกรรมการฟอกเงินของเครือข่ายค้ายาเสพติดข้ามชาติ ตลอดจนรูปแบบและวิธีการใหม่ ๆ ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ทั้งนี้ ที่ประชุมฯ มีความเห็นร่วมกันว่าปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อทุกประเทศ แต่ละประเทศจึงควรให้ความสำคัญในการจัดการและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเร่งด่วน โดยอาศัยกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศ ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารการลักลอบลำเลียงยาเสพติด สารตั้งต้นเคมีภัณฑ์ แผนประทุษกรรม ข้อมูลผลตรวจพิสูจน์ยาเสพติด รวมไปถึงการลดช่องว่างทางกฎหมายที่ควบคุมสารเคมีภัณฑ์ในแต่ละประเทศเพื่อป้องกันการรั่วไหลของสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ และการพัฒนาศักยภาพของเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นด้านป้องกัน ปราบปราม และบำบัดรักษาและฟื้นฟู เพื่อให้สังคมโลกเป็นสังคมที่ปลอดภัยจากยาเสพติด