นนทบุรี แปลกแต่จริง ! หมอเสริมความงาม ร้องมูลนิธิดัง หลังถูกคนร้ายลักเงินสดเกือบ 1 ล้านบาท ตำรวจจับได้แต่ตามของกลางคืนได้แค่แสนกว่าบาทส่วนที่เหลือหายไปไหน เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 26 มกราคม 68 ที่มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ถนนแจ้งวัฒนะ ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี นพ.สุรการ กาญจนสุกร์ แพทย์ แพทย์ศัลยกรรมด้านความงามเจ้าของคลินิก “ด็อกเตอร์การ” เลขที่ 1/1 ซอยพหลโยธิน 31 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. พร้อมแฟนสาว เดินทางนำเอกสารหลักฐานต่างๆ เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ ว่าที่ร้อยตรีรภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิ , นางชฎาภรณ์ พงศ์ทองเมือง ที่ปรึกษามูลนิธิ หลังตนเองถูกคนร้ายเข้ามาลักทรัพย์ เป็นเงินสด 983,000 บาท พระเลี่ยมทอง 3 องค์ โทรศัพท์มือถือ OPPO 1 เครื่อง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 มกราคม 68 เวลา 23.00 น. ต่อมาให้หลังเพียง 3 วัน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สน.พหลโยธิน สามารถจับกุมตัวนายประเวศ นุสิทธิ์ อายุ 53 ปี คนร้ายที่ก่อเหตุเข้ามาลักทรัพย์ในคลินิกของตนเองได้เมื่อวันที่ 16 มกราคม 68 โดยผู้ต้องหาเคยต้องคดีลักทรัพย์และเพิ่งออกมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หลังจับกุมตัวคนร้ายได้ ตนได้เงินคืนเพียง 127,500 บาท ส่วนที่เหลืออีก 855,500 เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าคนร้ายใช้เงินไปหมดแล้ว ซึ่งตนเองก็แปลกใจว่าทำไมเพียงแค่ 3 วัน คนร้ายจะใช้เงินได้มากมายขนาดนี้ เงินจำนวนเกือบล้านบาทนี้ตนเก็บไว้ในคลินิก และเป็นเงินที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงในการเก็บหอมรอมริบมากว่า 1 ปี ต่อมาตนพยายามหาข้อมูลพบหลักฐานในโทรศัพท์มือถือพร้อมข้อความในแชทที่ผู้ต้องหาพูดคุยกับครอบครัว จึงได้เดินทางไปที่บ้านพบลูกสาวของนายประเวศผู้ก่อเหตุ ก็สามารถตามคืนได้เพียงพระที่ผู้เป็นพ่อนำมาฝากไว้ ส่วนเงินสดจำนวนหนึ่งลูกสาวอ้างว่านำไปซื้อทองและขายไปก่อนหน้านี้แล้ว มีเพียงพระที่หลงเหลืออยู่ที่ส่งคืนมาให้กับตนเท่านั้น หลังเกิดเหตุจับกุมตัวคนร้ายได้ ตนต้องออกติดตามหาทรัพย์สินที่ยังขาดหายไปคืนด้วยตนเอง แต่ก็ยังตามหาไม่เจอ และไม่เชื่อว่าผู้ต้องหาจะใช้เงินจำนวนเกือบล้านบาทหมดภายใน 3 วันอีกทั้งก็แปลกใจ ทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงตามเงินส่วนที่เหลือคืนกับตนเองไม่ได้ ทำไมไม่เรียกตัว ครอบครัวผู้ต้องหา มาสอบสวนขยาย ผล เพื่อติดตามทรัพย์สินตนเองกลับคืนมา นอกจากนี้ตนเองยังพบแชทข้อความในโทรศัพท์มือถือของนายประเวศ ผู้ต้องหารายนี้ว่า ก่อนถูกจับกุมตัวในวันที่ 16 มกราคมช่วงกลางคืนปรากฏว่าในช่วงเช้าผู้ต้องหาได้ไปพบกับผู้คุมที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มีการพูดคุยฝากฝังอะไรกันหรือเปล่า ผู้ต้องหาเคยติดคุกคดีลักทรัพย์ติดไม่นานก็ออกมา มีความสนิทสนมกับผู้คุมเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เรื่องของตนจะมีอะไรลับลมคมในหรือเปล่า แล้วเงินของตนจำนวนมากเกือบล้านหายไปไหน อยากฝากเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยสนใจและดูแลคดีนี้ให้ตนด้วย ด้านนายรภัสสิทธิ์ รองประธานมูลนิธิกล่าวว่า คดีนี้ตนเองรู้สึกแปลกๆและไม่ชอบมาพากล ฟังจากปากคำผู้เสียหาย น่าจะตามของกลางและทรัพย์สินคืนได้มากกว่านี้ การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาอ้างกับ ตนว่านายประเวศคนก่อเหตุ นำเงินไปละลายใช้จ่ายหมดแล้วนั้น ตนรู้สึกว่ามีข้อพิรุธหลายอย่าง เจ้าหน้าที่ตำรวจน่าจะทำงานละเอียดในเชิงลึกมากกว่านี้ อย่างไรก็ตามตนจะพาผู้เสียหายไปร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อให้ช่วยติดตามทรัพย์สินของคุณหมอเจ้าของคลินิกในส่วนที่ยังขาดเหลือกลับมาด้วยไม่ว่าจะมากน้อยแค่ไหนแต่ไม่ใช่หายไปเป็นจำนวนเงินมากมายแบบนี้