เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 68 น.ส.สมฤดี คะชา อายุ 45 ปี ได้เดินทางเข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อ ดร.ปรเมศร์ ชัยพัชรกุลพงษ์ หรือ "ดร.แก้ว" ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาอัยการ จังหวัดนนทบุรี และผู้ก่อตั้งเพจ "ดร.แก้วช่วยได้" เพื่อให้ช่วยติดตามคดี หลังจากลูกชายของเธอ คือนายภานุภาพ วาดเขียน หรือ "โอ๊ค" อายุ 20 ปี หนุ่มไรเดอร์ส่งอาหาร ถูกกลุ่มวัยรุ่นไม่ทราบชื่อ จำนวน 3 คน ทำร้ายร่างกาย และใช้อาวุธมีดแทงที่หลังถึง 5 แผล จนได้รับบาดเจ็บสาหัส
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นบริเวณหน้าปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งบนถ.พิบูลสงคราม ต.สวนใหญ่ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี ขณะที่นายโอ๊ค (ผู้เสียชีวิต) พยายามหนีตายไปขอความช่วยเหลือจากพลเมืองดีในพื้นที่ ก่อนพลเมืองดีจะรีบนำตัวขึ้นรถจยย.นำส่งโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า ด้วยบาดแผลที่ลึก และโดนจุดสำคัญหลายแห่ง ทำให้นายโอ๊คเสียชีวิตในเวลาต่อมา
โดยวันนี้ทางด้านครอบครัวได้นำร่างของนายภานุภาพ หรือ “โอ๊ค” มาประกอบพิธีทางศาสนาภายในวัดทินกรนิมิต ต.สวนใหญ่ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี โดยมีพิธีรดน้ำศพ ก่อนสวดอภิธรรมคืนแรก บรรยากาศภายในงานเป็นไปด้วยความโศกเศร้า เหล่าบรรดาครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง ต่างทยอยเดินทางเข้าร่วมพิธี ซึ่งกำหนดการสวดอภิธรรมทั้งหมด 5 คืน ก่อนจะฌาปนกิจศพในวันที่ 16 ม.ค. 68 เวลา 16.00 น.
ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิด วันที่ 9 ม.ค. 68 เวลา 21.08 น. บริเวณถนนพิบูลสงคราม หน้าร้านต้มเลือดหมู จับภาพนายไบร์ท ขับขี่รถจยย. ออกมาจากปั๊มน้ำมันบางจาก ซึ่งมีนายโอ๊ค (ผู้เสียชีวิต) ที่มาด้วยกัน วิ่งตามออกมา โดยมีกลุ่มคู่กรณี 3 คน คือนายฟัก นายกาน และนายเอ (นามสมมุติ) วิ่งไล่มาจากในปั๊ม จากนั้นนายโอ๊คได้ล้มลง ถูกนายฟัก (คู่กรณี) เตะซ้ำ และใช้อาวุธมีดแทง นายไบร์ทหันไปเห็นจึงทิ้งรถจยย. และวิ่งเข้ามาช่วยนายโอ๊ค ก่อนที่นายโอ๊คจะวิ่งข้ามถนนไปอีกฝั่ง และวิ่งหลบหนีกับนายไบร์ทออกไปจากจุดเกิดเหตุ ซึ่งมีกลุ่มของนายฟักได้เดินตาม และเดินกลับมายกรถของนายไบร์ทที่ล้มอยู่
ต่อมา กล้องวงจรปิดภายในร้านยันเย็น ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 500 เมตร สามารถบันทึกภาพเวลา 21.12 น. ขณะนายโอ๊ค (ผู้เสียชีวิต) และนายไบร์ท น้องเขย ได้วิ่งหนีตายกว่า 500 เมตร มาขอความช่วยเหลือภายร้าน โดยทางด้านเจ้าของร้านได้พยายามช่วยเหลือด้วยการห้ามเลือด โทรหาเจ้าหน้าที่กู้ชีพ และตำรวจ แต่ปรากฏว่าเห็นท่าไม่ดีเพราะนายโอ๊คมีอาการปากซีด หน้าซีด เจ้าของร้านจึงตัดสินใจรีบพานายโอ๊ค และนายไบร์ท ขึ้นรถจยย.ขับขี่ไปส่งที่ห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ
น.ส.สมฤดี คะชา หรือแม่นุ้ย อายุ 45 ปี แม่ของนายโอ๊ค (ผู้เสียชีวิต) เล่าทั้งน้ำตาว่า เหตุเกิดประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 9 ม.ค. 68 จากนั้นได้มีพลเมืองดีช่วยพาน้องโอ๊คส่งโรงพยาบาล ซึ่งหมอได้ทำการปั๊มหัวใจช่วยชีวิตก่อนน้องโอ๊คจะมาเสียชีวิตตอน 6 โมงเช้า ตนเสียใจและสงสารลูกมาก อยากขอความเป็นธรรมให้กับลูก ซึ่งตนพยายามไล่ดูกล้องวงจรปิดทุกจุดบริเวณที่เกิดเหตุแต่ก็ไม่ได้ ทางปั๊มบอกว่าตำรวจเอาไปหมดแล้ว มีแต่กล้องวงจรปิดของชาวบ้านใกล้เคียง ซึ่งตนทนดูคลิปไม่ได้เลย สงสารลูก มันโหดร้ายเกินไป ขนาดน้องโอ๊ควิ่งหนีกลุ่มวัยรุ่นก็ยังวิ่งตามมาทำร้าย ทั้งที่ไม่ได้รู้จักกัน สาเหตุเพียงแค่มองหน้ากันเท่านั้น ตนกับลูกไม่ได้คุยหรือร่ำลากันเลย น้องโอ๊คกำลังจะมีครอบครัว แฟนเขาเพิ่งตั้งครรภ์ได้เพียง 2 เดือน กำลังมีชีวิต มีอนาคตที่ดี สิ่งที่เกิดขึ้นมันเกินกว่าเหตุ ตนเสียลูกไปทั้งคน อยากให้ตำรวจให้ความเป็นธรรมกับลูกของตน ซึ่งเบื้องต้นหมอได้ชันสูตรพบบาดแผล 5 จุด เน้นจุดสำคัญ คือ ตับ ไส้ ปอด และอื่นๆ
นายไบร์ท น้องเขย (ผู้อยู่ในเหตุการณ์) เผยว่า วันเกิดเหตุตนและพี่โอ๊คได้ทำงานไรเดอร์ส่งอาหาร ตนเป็นคนขับ พี่โอ๊คเป็นคนซ้อน หลังจากส่งอาหารเสร็จได้แวะเติมน้ำมันบริเวณปั้มน้ำมันแห่งหนึ่งใกล้วัดกำแพง ปรากฏว่าได้มีกลุ่มวัยรุ่นขับขี่รถจยย.มา 2 คัน มีทั้งหมด 3 คน ได้สบตากับตน ตอนแรกตนคิดว่าคนที่ตนสบตามองหน้าเป็นเพื่อน แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ หลังจากนั้น 1 ในกลุ่มวัยรุ่นได้พยักหน้าใส่ตน แล้วทำปากจู๋ ก่อนถามตนว่า “มึงมองxวยไร มึงเก๋าเหรอ มึงเข้ามาสิ“ หลังจากนั้นเขาก็ควักมีดออกมาเป็นมีดลักษณะมีดของคนเดินป่า ยาวประมาณ 12 นิ้ว มาวิ่งไล่แทง จังหวะนั้นรถของตนดับอยู่ ซึ่งตนบอกให้พี่โอ๊ควิ่งหนีไปก่อน จากนั้นตนก็สตาร์ทรถขับตีคู่หนีกับพี่โอ๊คที่วิ่งหนี ปรากฏว่าพี่โอ๊คตนเสียหลักล้มบนถนนหน้าร้านต้มเลือดหมู ทำให้ 1 ในผู้ก่อเหตุเตะพี่ตนซ้ำ ก่อนจะใช้อาวุธมีดจ้วงกระหน่ำแทงไม่ยั้ง ตนเห็นท่าไม่ดีจึงหยิบมีดที่พกไว้ป้องกันตัวเข้าไปช่วยพี่โอ๊คที่กำลังล้มอยู่ โดยจ้วงแทงผู้ก่อเหตุไป 1 ครั้งบริเวณหน้าท้อง ก่อนตนและพี่โอ๊คจะวิ่งหนีไม่คิดชีวิตไปขอความช่วยเหลือจากพลเมืองดี
นายไบร์ท น้องเขย (ผู้อยู่ในเหตุการณ์) กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าตนและพี่โอ๊คไม่รู้จักกับกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คน แต่อย่างใด ส่วนตัวของตนนั้นได้รับบาดเจ็บมีแผลเล็กน้อยที่นิ้วมือ เนื่องจากตนนำมือป้องกันตัว ยืนยันว่าไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน สุดท้ายนี้อยากขอความเป็นธรรมให้พี่โอ๊ค วอนตำรวจช่วยติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฏหมายให้ถึงที่สุด
ด้านน.ส.อินทิรา หรือน้องไอซ์ อายุ 19 ปี แฟนสาวของผู้เสียชีวิต กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนคบกับนายโอ๊คได้ประมาณ 3 ปีกว่าแล้ว อาศัยอยู่ด้วยกัน วันเกิดเหตุนายโอ๊คได้ออกไปขับรถวิ่งงาน ตนจึงไปรอบ้านแม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ประมาณ 1 สัปดาห์ ตนมีรางสังหรณ์ คือ ตนถูกนายโอ๊คแกล้งจึงหงุดหงิดใส่ นายโอ๊คจึงหันไปพูดกับพี่สาวว่า "ดูซิ พอเล่นด้วยก็มาทำหงุดหงิดใส่ ถ้าไม่มีเขาแล้วจะเหงา" ซึ่งวันเกิดเหตุน้องชายเป็นคนโทรมาหาตนว่านายโอ๊คถูกแทง จากนั้นตนจึงได้ตามไปที่โรงพยาบาล แต่พบว่านายโอ๊คไม่รู้สึกตัวแล้ว เห็นหมอกำลังช่วยกันปั๊มหัวใจ ตนยืนยันว่าไม่เคยรู้จักและไม่เคยเห็นหน้าคู่กรณี เห็นคลิปวงจรปิดแล้วรู้สึกเจ็บใจมาก ถ้าตนคู่อะไรกับนายโอ๊คได้ ก็อยากบอกให้เขากลับมา ไม่ต้องเป็นห่วง ตนจะดูแลตัวเองกับลูกให้ดีที่สุด และตนเชื่อว่าเวรกรรมมีจริง ขอให้คนที่ทำร้ายแฟนของตนเจ็บกว่านี้เป็นพันเท่า
ดร.แก้ว กล่าวว่า วันนี้ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากคุณแม่ของน้องที่ถูกแทงเสียชีวิต เบื้องต้นได้มีการพูดคุยและประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองนนท์ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยินดีดำเนินการตามกฎหมายทุกขั้นตอน เรื่องคดีความจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย จากที่ดูกล้องวงจรปิด น้องผู้เสียชีวิตได้ถูกทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียว ไม่ใช่การทะเลาะวิวาท ตนจึงได้แนะนำกับทางคุณแม่ของน้องผู้เสียชีวิตว่าให้ไปยื่นสิทธิที่ยุติธรรมจังหวัด ฝั่งคู่กรณีได้ติดต่อเข้ามามอบตัวแล้ว แต่ขอรักษาตัวก่อเนื่องจากบาดเจ็บด้วย คาดว่าจะสามารถเข้ามามอบตัวได้ภายในวันจันทร์-อังคารที่จะถึงนี้
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี ได้สืบสวนจนทราบตัวผู้ก่อเหตุจำนวน 3 คน ซึ่งทั้งหมดเป็นเยาวชน โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการติดต่อประสานผู้ปกครองของเยาวชนทั้ง 3 ราย เพื่อให้พาเข้ามามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ