ตำรวจไซเบอร์ล่าเครือข่ายหลอกโอนเงินรีวิวสินค้า
รวบ 3 ผู้ต้องหา รับขายบัญชีแลกเงินพี้ยา
.
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 ก.พ.66 ผู้เสียหายพบกับคนร้ายซึ่งเป็นผู้ใช้เฟสบุ๊กรายหนึ่งที่ใช้รูปโปรไฟล์หน้าตาดี ได้ทักทายและพูดคุยกันเรื่อยมาจนรู้สึกถูกใจกัน ต่อมาคนร้ายอ้างว่าตนเองมีรายได้จากการรีวิวสินค้า จึงได้ชักชวนผู้เสียหายลองทำรายได้จากการรีวิวสินค้าด้วย โดยต้องลงทุนโอนเงินเพื่อรอรับผลตอบแทน
ผู้เสียหายสนใจจึงแนะนำให้รู้จักกับคนร้ายอีกคนที่ทำทีเป็นผู้แนะนำการลงทุน
.
ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงทดลองโอนเงินลงทุนจำนวน 500 บาท แล้วได้รับลิงก์เพื่อกดรีวิวสินค้า จำนวน 30 ครั้ง ปรากฎว่าได้รับผลกำไรจำนวน 130 บาท ครั้งที่ 2 คนร้ายจึงแนะนำให้ลงทุน 1,000 บาท โดยรีวิวจำนวน 50 ครั้ง ได้รับผลกำไร 130 บาท แต่ในครั้งนี้ ผู้เสียหายกดรีวิวสินค้าเกินจำนวนครั้งที่กำหนด คนร้ายจึงให้โอนเงินเพิ่มอีกจำนวน 100 บาท ต่อมา ได้ลงทุนเพิ่มอีก จำนวน 5,000 บาท เพื่อรีวิวจำนวน 50 ครั้ง จึงได้รับผลกำไร จำนวน 700 บาท โดยได้รับผลกำไรและเงินทุนคืนทั้งหมด ผู้เสียหายจึงมั่นใจว่าทำแล้วได้กำไรจริง
.
ต่อมา คนร้ายได้ชักชวนลงทุน จำนวน 10,000 บาท ซึ่งเป็นโปรโมชันเดือนวาเลนไทน์ ให้ลงทุนคู่ ผู้เสียหายจึงลงทุนร่วมกับคนร้ายรายแรกที่รู้จักกันผ่านเฟซบุ๊ก แต่ครั้งนี้ทำแล้วกลับไม่ได้รับแจ้งว่าได้ผลกำไรเท่าไร คนร้ายจึงแจ้งว่าสินค้ามีราคาสูง ต้องลงทุนเพิ่มอีก 18,000 บาท ต่อมาคนร้ายอ้างว่าสินค้าที่ต้องรีวิว มีราคาสูงขึ้นกว่าเดิม จึงให้ลงทุนเพิ่มอีก 33,000 บาท และคนร้ายใช้เหตุผลเดิมอีกครั้ง จึงลงทุนเพิ่มอีก 52,390 บาท
.
2 วันต่อมา คนร้ายได้ชักชวนให้ลงทุนเพิ่มอีก 170,000 บาท โดยอ้างว่าจะได้กำไรคืนจำนวน 362,941 บาท แต่ผู้เสียหายมีเงินเพียง 100,000 บาท ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่รู้จักกันตอนแรก จึงอาสาขอช่วย จำนวน 70,000 บาท ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อโอนเงินไปอีกหลายครั้ง
.
ต่อมาคนร้ายอ้างว่าผู้เสียหายจำเป็นต้องต้องเสียค่าภาษีจำนวน 45% เป็นจำนวน 163,323.45 บาท แต่ผู้เสียหายไม่มีเงินแล้ว คนร้ายจึงแจ้งว่า ถ้าไม่จ่ายค่าภาษีก็ไม่สามารถถอนเงินคืนได้ ผู้เสียหายจึงรู้ตัวว่า ถูกหลอกลวง สุดท้ายหลงเชื่อโอนเงินไป 8 ครั้ง เป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 219,490 บาท จึงได้แจ้งความดำเนินคดีในเวลาต่อมา ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้หลายราย
.
พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 และ พ.ต.อ.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ รรท.ผบก.สอท.3 จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ร่วมกับ พ.ต.อ.กู้เกียรติ วงษ์พันธ์ ผกก.2 บก.สอท.5 ส่งเจ้าหน้าที่ออกสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับมาดำเนินคดี
.
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหา ได้จำนวน 3 ราย ได้แก่
1. นางกัญญาณัฐ อายุ 38 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 6400/2567 ลงวันที่ 26 ธันวาคม 2567
2. นายเทพชัย อายุ 40 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 6401/2567 ลงวันที่ 26 ธันวาคม 2567
3. นายพรชัย อายุ 25 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 6401/2567 ลงวันที่ 26 ธันวาคม 2567
โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.สอท.5 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
.
เบื้องต้น กลุ่มผู้ต้องหายอมเปิดเผยว่า กลุ่มของตนมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ต่อมาได้มีผู้หญิง 2 คน ไม่ทราบชื่อ สกุลจริง ซึ่งเป็นเอเจนต์จำหน่ายยาเสพติด ได้ว่าจ้างพวกตนให้เปิดบัญชีธนาคาร โดยให้ค่าจ้างจำนวน 500 บาทต่อบัญชี เมื่อได้รับค่าจ้างแล้ว จึงนำเงินจำนวนดังกล่าวไปซื้อยาเสพติดมาเสพ
.
นอกจากนี้ จากข้อมูลการสืบสวน ยังทราบอีกว่า เอเจนต์คนดังกล่าวมักหาบัญชีม้าจากกลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพื่อนำบัญชีธนาคารไปใช้ในการกระทำผิดกฎหมาย โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป