สาวสองร้อง สอบสวนกลาง ผ่าตัดแปลงเพศ แต่สุดท้ายลำไส้ทะลุ เรียกร้องแพทย์รับผิดชอบค่ารักษา วันที่ 10 ม.ค.67 คุณอุ๋มอิ๋ม อายุ 30 ปี สาวประเภทสอง เข้าแจ้งความกับศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้ดำเนินคดีกับหมอที่ผ่าตัดแปลงเพศให้ ในความผิดเกี่ยวกับกระทำการโดยประมาทฯ หลังไปผ่าตัดแปลงเพศที่โรงพยาบาลขนาดเล็กแห่งหนึ่งในย่านราษฎร์บูรณะ แต่เกิดลำไส้ทะลุ จนต้องผ่าตัดย้ายลำไส้ไปไว้ที่หน้าท้อง และขับถ่ายออกมาทางถุงที่ติดไว้ที่เอว ทำให้ใช้ชีวิตปกติไม่ได้ ทุกทรมานทางร่างกายและจิตใจมาเป็นเวลานาน 8 เดือนแล้ว คุณอุ๋มอิ๋มเล่าว่า เมื่อวันที่ 28 มีนาคมปีที่แล้ว ได้ตัดสินใจไปผ่าตัดแปลงเพศกับหมอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในราคา 1 แสน 2 หมื่นบาท โดยหลังผ่าตัดหมอก็ไม่ได้แนะนำอะไร ต่อมามีลมออกมาบริเวณช่องคลอดเทียมที่ทำขึ้น เมื่อไปปรึกษาหมอ ก็บอกว่าเป็นอาการปกติ ซึ่งตนเองหาข้อมูลแล้วก็พบว่าระยะเวลาพักฟื้นอยู่ที่ 2-3 เดือน เมื่อครบ 2 เดือนไม่มีอะไรผิดปกติ แผลภายนอกดูหายดีแล้ว ตนเองจึงได้มีเพศสัมพันธ์กับแฟน แต่กลายเป็นว่าเกิดการตกเลือดจำนวนมาก เมื่อกลับไปหาหมอ ก็พบว่าช่องคลอดเทียมที่ทำไว้ทะลุลำไส้ไปจนถึงทวารหนัก จึงได้ผ่าตัดแก้ด้วยการเย็บแผลที่ทะลุ และเพื่อให้แผลไม่ได้รับผลกระทบเวลาขับถ่ายทางทวารหนัก จึงต้องย้ายลำไส้มาไว้ที่หน้าท้อง และขับถ่ายออกทางถุงซึ่งติดอยู่ที่เอวแทน โดยหมอบอกว่าเมื่อแผลที่ทะลุหายดีแล้ว ก็จะผ่าตัดลำไส้ให้กลับไปขับถ่ายทางทวารหนักได้ตามปกติ ขณะที่แอดมินไลน์ของโรงพยาบาลก็บอกว่า เป็นความผิดของตนเองที่ไปใช้งาน ทำให้ลำไส้ทะลุ และไม่อยากให้ไปปรึกษาคนอื่น อย่างไรก็ตาม ผ่านมา 7-8 เดือนแล้ว แต่แผลที่ทะลุก็ยังไม่ดีขึ้นเลย ทำให้ตนเองต้องทนทุกข์ทรมานกับการมีถุงอุจจาระติดไว้ที่เอว ต้องนำไปเททิ้ง 7-8 ครั้งต่อวัน บางครั้งถุงก็รั่ว ส่งกลิ่นเหม็นออกมา ทำให้สภาพจิตใจย่ำแย่ ไม่มั่นใจในการเข้าสังคม ส่งผลกระทบเวลาไปทำงาน และการมีลำไส้ที่หน้าท้อง ก็ยังเสี่ยงติดเชื้อและเสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้ด้วย ตนเองอยากกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ จึงได้ไปปรึกษาหมอคนใหม่ ก็หมอลงความเห็นว่าสาเหตุที่ทะลุ น่าจะเกิดจากช่องคลอดเทียมที่ทำอยู่ต่ำเกินไป และเกิดรูรั่วเล็กๆ เมื่อมีเพศสัมพันธ์ จึงทำให้รูใหญ่ขึ้นจนทะลุ วิธีการรักษาคือต้องผ่าตัดทำช่องคลอดเทียมใหม่ทั้งหมด แต่เนื่องจากมีการผ่าตัดหลายครั้ง และผ่าตัดนำลำไส้ออกมาที่หน้าท้องแล้ว จึงถือว่าเป็นงานยาก และมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 7 แสนบาท ดังนั้นวันนี้ตนเองจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความกับตำรวจ เพื่อให้ดำเนินคดีกับหมอคนดังกล่าวที่ประมาท รวมทั้งอยากเรียกร้องให้หมอคนนี้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย 7 แสนบาท เพื่อให้ตนเองไปผ่าตัดแก้ไขกับหมอคนใหม่ด้วย