นนทบุรี แม่พาลูกสาววัย 13 ปี ร้องทนายดัง หลังถูกเพื่อนชายชวนไปนั่งเล่นบ้านเพื่อน นาน 3 วัน กระทำอนาจาร ไม่ยอมส่งบ้าน ข่มขู่เป็นลูกหลานตำรวจ
เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 67 ที่สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี นางพร (นามสมมุติ) อายุ 43 ปี พร้อมด้วยน้องดี (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี (ลูกสาว) เดินทางเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับนายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือทนายโป้ง สส.พรรคประชาชน เขต 7 จังหวัดนนทบุรี ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ว่าน้องดี (ลูกสาว) หายออกจากบ้านไป 3 วัน ก่อนจะทราบภายหลังว่าถูกนายปัน (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี เพื่อนชายที่รู้จักในโลกออนไลน์ ชักชวนให้ไปนั่งเล่นบ้านเพื่อน โดยขับขี่รถจยย.มารับที่บ้านย่านอ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี และพาไปอยู่บ้านของรุ่นพี่ที่ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี โดยได้มีการกระทำอนาจาร และไม่พามาส่งบ้าน พร้อมยังข่มขู่ว่าเป็นลูกหลานตำรวจไม่กลัวใคร ทำให้ครอบครัวเกิดความไม่สบายใจ เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
นางพร (นามสมมุติ) กล่าวว่า น้องดีหายไปจากบ้านตั้งแต่คืนวันจันทร์ที่ 23 ธ.ค. ประมาณ 21.00 น. ปกติน้องดีจะนั่งเล่นเกมอยู่ชั้นล่างของบ้าน ซึ่งตนขึ้นนอนแล้ว ทำให้ตนไม่ทราบว่าน้องดีออกจากบ้านไปตอนไหน รู้สึกตัวอีกครั้งประมาณเที่ยงคืน พยายามโทรติดต่อแล้วแต่ไม่มีคนรับสาย จนถึงเช้า จึงติดต่อไปหาเพื่อนของน้องดีที่เคยไปนอนบ้านด้วยกันก็ไม่รู้ว่าไปไหน ตนจึงพยายามติดต่อจนถึงบ่าย 3 ของอีกวัน หลังจากนั้นพบว่าลูกสาวปิดเครื่อง ซึ่งปกติน้องดีเป็นคนติดโทรศัพท์มาก และไม่เคยติดต่อไม่ได้ขนาดนี้ ตนจึงตัดสินใจไปแจ้งความ พยายามตามหาลูกสาวทุกช่องทาง โพสต์ในกลุ่มเฟซบุ๊ก และทักไปหาเพื่อนๆที่รู้จักน้อง จนกระทั่งไปเจอรูปน้องดีจากสตอรี่ไอจีของผู้ชายคนนึง ตนสงสัยจึงแคปหน้าจอไว้แล้วส่งไปให้เพื่อนของน้องดีให้ช่วยตามหา หากติดต่อได้หรือรู้ว่าน้องดีอยู่กับใครให้รีบติดต่อกลับมา
นางพร (นามสมมุติ) กล่าวต่ออีกว่า ต่อมาช่วงประมาณ 6 โมงเย็น ของวันที่ 26 ธ.ค. น้องดีได้ติดต่อกลับมาว่าให้ตนไปรับ อยากกลับบ้าน ตนจึงโทรหาน้องดี ได้ยินลูกร้องไห้ บ่นอยากกลับบ้าน บอกว่าเขาไม่ให้หนูกลับ หนูหิวข้าว หลังจากที่รู้เรื่องตนใจหายมาก รีบเดินทางไปรับลูกสาวทันที ตนไม่กล้าเข้าไปถึงตัวบ้านเขา ได้แค่รอตำรวจสายตรวจก่อนถึงจะเข้าไป เพื่อนชายที่พาตัวน้องดีไปจึงเดินออกมาส่งน้องให้ตน หลังจากที่กลับมาน้องร้องไห้ และเล่าว่าถูกเพื่อนชายกระทำชำเรา ขัดขืนแล้วแต่สู้ไม่ได้ ซึ่งน้องร้องไห้อย่างเดียว วันนี้จึงตั้งใจมาร้องขอความเป็นธรรมกับทนายโป้ง อยากเรียกร้องสิทธิให้กับตัวเองและลูกสาว ส่วนคู่กรณีนั้นยังไม่ได้ติดต่อกัน นัดเจอแค่ที่โรงพัก ซึ่งคู่กรณีได้มีการข่มขู่บอกว่าไม่กลัวใคร ปู่ของเขาเป็นตำรวจ
น้องดี (นามสมมุติ) เปิดใจทั้งน้ำตาว่า มีรุ่นน้องแนะนำเพื่อนชายคนนี้ให้รู้จักกัน พูดคุยกันได้ประมาณ 1 เดือนกว่า จากนั้นได้ชักชวนตนไปนั่งเล่นที่บ้านรุ่นพี่ ซึ่งไม่รู้ว่าที่ไหน รู้เพียงแค่อำเภอและจังหวัด ซึ่งระหว่างที่ไปตนไม่ได้จับโทรศัพท์เลยจึงไม่ได้รับสายแม่ ยืนยันว่าไม่มีเรื่องในใจกับแม่ เพียงแค่อยากไปเที่ยวบ้านเพื่อน แต่เมื่อไปถึงนายปัน (นามสมมุติ) เอาแต่เสพกัญชา ไม่ได้สนใจตน จึงทำให้ตนไม่ค่อยได้กินข้าว ตลอด 3 วันที่ผ่านมา ได้แต่พูดกับนายปันว่าต้องพาตนกลับไปส่งบ้าน ตนอยากกลับบ้านมาก รู้สึกเสียใจที่พลาดทำเรื่องแบบนั้น ถ้าวันนั้นรู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้และทำให้แม่เสียใจตนคงไม่ทำ
ทนายโป้ง กล่าวว่า ทางคุณแม่ของน้องเกิดความไม่สบายใจ ที่ลูกสาวหายไปจากบ้าน ซึ่งมาทราบภายหลังว่าถูกรุ่นพี่ผู้ชายพาตัวไป 3 วัน 2 คืน จากนั้นเมื่อคุณแม่ตามหาน้องเจอและเดินทางไปรับที่ จ.ปทุมธานี กลับถูกคู่กรณีข่มขู่ ว่าเป็นลูกหลานตำรวจ คุณแม่จึงกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จากที่ดูข้อมูลข้อเท็จจริงเบื้องต้นเข้าข่ายพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร หลังจากนี้ตนจะพาไปพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้ประสานไปยังสหวิชาชีพ นักจิตวิทยา และนักสังคมสงเคราะห์ เพื่อให้น้องสามารถให้ข้อมูลข้อเท็จจริงได้ทั้งหมด แล้วจะต้องส่งตัวน้องไปให้กับทางแพทย์ เพื่อตรวจร่างกายก่อนจะส่งสำนวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน พ.ต.ท.วิทวัส สายอ๋อง รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.บางบัวทอง กล่าวว่า เบื้องต้นจากที่ได้ข้อมูลกับทางครอบครัวผู้เสียหายจะเข้าข่ายในคดีพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร ต้องสอบสวนรายละเอียดเชิงลึกจากเด็กผู้เสียหาย และดูพยานหลักฐานต่างๆเพิ่มเติม พร้อมทั้งส่งตัวเด็กไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลบางบัวทอง และรอผลการตรวจจากแพทย์ โดยจะต้องให้สหวิชาชีพ พนักงานอัยการ นักสังคมสงเคราะห์ ร่วมกับบุคคลที่เด็กร้องขอ รวมถึงพนักงานสอบสวนสอบปากคำเพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนออกหมายเรียกคู่กรณี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดใน 2 พื้นที่ เพราะคู่กรณีมารับตัวเด็กในพื้นที่ อ.บางบัวทอง และพาไปกระทำชำเราในพื้นที่ อ.ลาดหลุมแก้ว รวมถึงมีการกักขังหน่วงเหนี่ยวด้วย ซึ่งถือเป็นความผิดต่อเนื่องเกี่ยวพันกัน และมีการแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่สภ. บางบัวทองก่อนแล้ว ดังนั้นถือว่า สภ.บางบัวทอง เป็นพื้นที่ต้องสอบสวน ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานก่อนจะแจ้งข้อหาต่อไป
หมายเหตุ : โพสต์ที่แม่เคยโพสต์ตามหาลูกในกลุ่มพฤกษา 3 ลบไปแล้ว หลังจากหาน้องเจอ
เบลอหน้าผู้เสียหายทั้งหมด