นนทบุรี วงจรปิด แม่ค้าออนไลน์ตบ กับอสม.วัย 64 ปีเดือด ปมเหม็นควันบุหรี่
จากกรณีเพจ “กูอิแฉ บวกหมดไม่สนใคร” โพสต์คลิปวงจรปิด พร้อมระบุข้อความว่า “มีหญิงวัย 60 ปี เค้ายืนสูบบุหรี่อยู่ที่หน้าบ้าน อยู่ๆก็มีผู้หญิงถือไมค์เหมือนว่าต้องการด่าประจาน ให้คนบ้านใกล้เคียงรับรู้ แถมเข้ามาตบตีทำร้ายร่างกายหญิงวัย 60 ปี”
ภาพจากกล้องวงจรปิด (1) เวลา 08.14 น. เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (วันที่ 16 ธ.ค. 67) ซึ่งเป็นกล้องหน้าบ้านของนางตุ๊ก (ผู้เสียหาย) จับภาพบริเวณทางเดินหน้าบ้านของนางเก๋ (คู่กรณี) ซึ่งได้ยินเสียงนางเก๋ใช้ไมโครโฟน พูดว่า ”อีหน้าหี มึงคิดว่ากูไม่เห็นมึงหรอ มึงดูดบุหรี่แล้วมาพ่นใส่กูนี่นะอีตุ๊ก อีควาย กูเห็นนะอีสัตว์ มึงออกมา มึงมากับกูนี่มา” ก่อนที่นางตุ๊กจะตะโกนด่ากลับว่า ”ทำไมอีดอก กูสูบบุหรี่หน้าบ้านกูแล้วมึงจะทำไม“ จากนั้นนางเก๋จึงได้วางไมโครโฟนลงและเข้ามาทะเลาะตบตีกับนางตุ๊ก ก่อนที่จะมีเพื่อนบ้านใกล้เคียง และหลานชายของนางตุ๊ก เข้ามาช่วยจับทั้ง 2 คน แยกออกจากกัน
ภาพจากกล้องวงจรปิดตัวที่ (2) และ (3) จับภาพบริเวณทางเดินหน้าบ้านของนางเก๋ ซึ่งเป็นเหตุการณ์เดียวกันแต่คนละมุม
เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 67 ทีมข่าวลงพื้นที่บริเวณชุมชนแห่งหนึ่ง ภายในซอยสามัคคี 9 ถ.เลี่ยงเมืองปากเกร็ด ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พบนางกรรณิการ์ ลามอ หรือนางเก๋ อายุ 32 ปี คู่กรณีที่มีเรื่องทะเลาะวิวาท ตบตีกับนางทิพย์พร เหลืองอร่าม หรือนางตุ๊ก เพื่อนบ้านคู่กรณี อายุ 64 ปี หัวหน้าอสม.ชุมชนแห่งหนึ่ง เรื่องการสูบบุหรี่ของนางตุ๊กที่มีมาอย่างยาวนาน
นางกรรณิการ์ หรือนางเก๋ คู่กรณี (เสื้อยืดสีดำ) กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าตนเตรียมตัวไปส่งลูกที่โรงเรียน มีกลิ่นบุหรี่ลอยมาในบ้าน ซึ่งเป็นปัญหาที่ตนต้องทนทุกข์มาเป็นเวลานานหลายปี รู้สึกเหม็น ตนเลยตะโกนด่า เพราะพูดคุยมาหลายครั้งก็เหมือนเดิม คู่กรณีทำเหมือนจงใจจะแกล้ง หยิบบุหรี่มาสูบแล้วไปพ่นใกล้ห้อง ตนจึงใช้ไมโครโฟนพูดให้เขารับรู้ ตนเคยไปหาหมอ ผลจากการตรวจแพทย์ระบุว่าตนแพ้กินบุหรี่รุนแรง ต้องพกยาพ่นตลอดเวลา แค่มีคนขับขี่รถจยย.ผ่าน แล้วพ่นควันบุหรี่ใส่ตนก็จะน้ำมูกไหล หายใจไม่ทัน จนรถพยาบาลต้องมารับไป ส่วนเหตุการณ์ครั้งนี้ที่ทำร้ายร่างกายกัน มันเป็นปัญหาที่สะสมกันมานาน ตนอยากแก้ข่าวว่าตนไม่ได้ตีคนแก่ เพราะเขาก็ตอบโต้ตลอด มีอารมณ์ในการต่อสู้กัน ตอนนี้ตนรู้สึกแย่ ในโซเชียลมองแค่มุมเดียว อยากให้ลองมองมุมของตนที่ตนไม่สบาย ตนไม่จำเป็นต้องมาหาเรื่องทะเลาะกับใคร ซึ่งที่ผ่านมาเคยมีการพูดคุยเจรจากันแล้ว แฟนของตนก็เคยไปพูดคุยบอกว่าตนแพ้ควันบุหรี่ และมีการติดป้ายทั่วบ้านว่าห้ามสูบบุหรี่ ซึ่งหากเขาไปสูบบุหรี่ตรงอื่นก็ได้ มันก็จะไม่มีเรื่อง เพราะตนก็ได้รับความเดือดร้อน และป่วยมา 2 ปีแล้ว
นายภูธเนศ ไวยสุณี อายุ 23 ปี หลานนางตุ๊ก (เสื้อสีเขียวอ่อน) กล่าวว่า เมื่อเช้าตนอยู่บนบ้านและได้ยินเสียงคนใช้ไมโครโฟนด่า ซึ่งไม่แน่ใจว่าเรื่องอะไร จึงลงมาดูเห็นทั้ง 2 คน กำลังจิกหัวกัน จึงเข้าไปช่วยแยกป้าตุ๊กออกมา ปัญหาเรื่องบุหรี่มีมานานแล้ว ที่บ้านเคยมีการพูดคุยและตักเตือนกัน ซึ่งป้าตุ๊กก็ให้ความร่วมมือ ปกติจะสูบบุหรี่แค่ในบ้านหรือบริเวณหน้าบ้านเท่านั้น จะมีช่วงหลังออกมาสูบหน้าบ้านเพราะน้องสาวตนมีลูกเล็ก ส่วนปัญหากับคู่กรณีก่อนหน้านี้ไม่เคยคุยกันดีๆ ถ้าเขาเห็นว่าใครถือบุหรี่อยู่ ก็จะแคปภาพจากกล้องวงจรปิดไปโพสต์ประจานในเฟซบุ๊ก ก่อนหน้านี้แฟนเก่าของน้องสาวตนก็เคย ถูกโพสต์ประจานและพิมพ์ด่ามาแล้ว ไม่เคยเข้ามาคุยกันดีๆ คู่กรณีไม่เคยมาบอกว่าไปตรวจร่างกายมาและแพ้ควันบุหรี่อย่างมาก ส่วนใหญ่จะใช้วิธีตะโกนด่า เพิ่งเคยเห็นใช้ไมโครโฟนด่าก็วันนี้ เพื่อนบ้านคนอื่นๆก็ไม่เคยมีปัญหากับบ้านตน แต่กับบ้านคู่กรณีก็เคยมีปัญหากับเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามบ้าง ตนไม่อยากให้ใช้ความรุนแรง ซึ่งคิดว่ามันไม่ใช่ทางออกที่ดี ตนเข้าใจว่าเขาไม่ชอบกลิ่นบุหรี่แต่น่าจะหาทางออกร่วมกันที่ดีกว่านี้ ยืนยันว่าคู่กรณีไม่เคยมาพูดคุยกับป้าตนดีๆ ตอนนี้ป้าตนได้รับบาดเจ็บบริเวณใบหน้าและแผลถลอกตามร่างกาย ตอนนี้ได้เดินทางไปแจ้งความอยู่ที่สภ.รัตนาธิเบศร์แล้ว
นางวณีย์ อายุ 66 ปี เพื่อนบ้านในชุมชน (รู้จักนางตุ๊กมาประมาณ 40-50 ปี) ผมสั้น-เสื้อลายสีดำ กล่าวว่า ป้าตุ๊กเป็นอสม.อยู่ไทรน้อย นานๆเขาจะมานอนที่นี่มาค้างกับหลาน เมื่อก่อนเคยอยู่ประจำที่นี่แต่ตอนนี้ซื้อบ้านอยู่แถวไทรน้อยแล้ว ก่อนหน้านี้ตนเคยบอกว่าหลานของตนแพ้ควันบุหรี่ ป้าตุ๊กก็เชื่อจึงย้ายไปสูบบุหรี่ตรงอื่น ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนไม่เห็น เพราะไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย อยู่ตรงนี้มา 50 ปี ไม่เคยทะเลาะกับใคร ตนเข้าใจเพราะเป็นภูมิแพ้เหมือนกัน แต่วันนี้ป้าตุ๊กเขามาสูบบุหรี่ตรงข้างบ้านของหลาน ซึ่งมีผ้ายางปิดอยู่ ลองคิดดูว่ากลิ่นจะเข้าไปในบ้านเขาไหม
ต่อมา ทีมข่าวได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อเพื่อขอสัมภาษณ์กับทางด้านนางตุ๊ก (ผู้เสียหาย) ซึ่งลูกสาวได้เป็นคนรับสายและให้ปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ และให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ตนกับแม่คุยกันว่าจะไม่ให้สัมภาษณ์สื่อ ยืนยันจะแจ้งความดำเนินคดีกับคู่กรณี เพราะไม่อยากโต้กันไปโต้กันมา แม่ของตนทำงานจิตอาสา ตนกับแม่รู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น เรื่องที่ทำกับแม่ของตนมันไม่ถูกต้อง ตนจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ในฐานะที่ตนเป็นลูกสาวตนมองว่าคู่กรณีทำเกินกว่าเหตุ ตนก็โมโหเหมือนกัน อดทนไม่ได้ที่จะตอบโต้ ทำไปมันก็จะเหมือนกับสัตว์เดรัจฉาน แล้วถ้าให้สัมภาษณ์เดี๋ยวจะกลายเป็นตนต้องไปยืนเถียงแทนแม่ของตน วุฒิภาวะตนก็ไม่ได้มีมากพอที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเอง เขาออกมาพูดว่าเขาเป็นภูมิแพ้เพราะแม่ตนสูบบุหรี่บ่อย อยากให้ไปบอกสามีตัวเองให้หยุดสูบบุหรี่สูบยาก่อน ถ้ามองในมุมของคนกลางตนตักเตือนแม่เป็นประจำ แต่ในส่วนที่แม่ตนสูบบุหรี่ไม่ใช่เป็นที่สาธารณะ อยากให้เขาลองเอากล้องวงจรปิดมาเปิดเวลาที่สามีเขาสูบบุหรี่หรือทำกิจกรรมอื่นที่มีควัน ตัวเขาอยู่ตรงไหน สิ่งที่ทำกับแม่ตนมันเกินไป แม่ของตนอายุเยอะแล้ว คนเราอยู่ร่วมกันมาชายคาบ้านไม่ได้ห่างกัน วิธีแก้ปัญหามันสมควรจะทำแบบนี้ด้วยหรือไม่
