นนทบุรี ผู้เสียหายกว่า 10 ราย ถูก 3 วัยรุ่น หลอกซื้อรถติดไฟแนนซ์ บิดค่างวดรถ ก่อนนำไปขายส่งออกประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 67 นายโชติอนันต์ เลิศฤทธิ์ภูวดล หรือ เสี่ยเป้ บางกรวย ผู้ก่อตั้งเพจ “นนทบุรีไม่ทิ้งกัน” ได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายกว่า 10 ราย โดยมีนางธนพร ศรีภักดี อายุ 41 ปี นายเกรียงไกร แย้มจันทร์ อายุ 45 ปี และ นายธีรพงษ์ น้อยอุทัย อายุ 21 ปี เป็นตัวแทนของผู้เสียหาย เดินทางมาร้องเรียนขอความช่วยเหลือเนื่องจากถูกนายปิยะภูมิ อายุ 21 ปี นายคุณัชญ์ อายุ 24 ปี และนายนิธิศ อายุ 22 ปี ร่วมกันหลอกตระเวนซื้อรถยนต์และรถจยย. โดยมีการวางเงินดาวน์ แต่ไม่ส่งค่างวดรถตามกำหนด และนำรถไปขายทอดตลาด ส่งออกประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งกลุ่มผู้ก่อเหตุยังไม่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฏหมาย ใช้ชีวิตปกติและยังมีพฤติกรรมการก่อเหตุซ้ำ ทำให้ผู้เสียหายมาร้องขอความช่วยเหลือเพราะได้รับความเดือดร้อน ถูกไฟแนนซ์ตาม และไม่ได้รถคืน ต่อมากลุ่มผู้เสียหายได้รวมตัวกัน เนื่องจากเห็นโพสต์ในเฟสบุ๊กว่านายปิยะภูมิ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ก่อเหตุ ถูกประจานว่าเป็นมิจฉาชีพหลอกซื้อ-ขายรถ ตามกลุ่มจำนวนหลายกลุ่ม ทางผู้เสียหายได้รวบรวมรถที่โดนนายปิยะภูมิ หลอกไปได้ประมาณ 10 คัน มี 1. รถจยย. ยี่ห้อเวสป้า สีเทา หมายเลขทะเบียน 7 ขต 6606 กทม. 2.รถจยย. ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นแกรนด์ฟีลาโน่ สีเทา หมายเลขทะเบียน 5 ขถ 7407 กทม. (ของนายเกรียงไกร แย้มจันทร์) 3.รถจยย. ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น PCX สีเทาแรมโบ หมายเลขทะเบียน 1 กผ 4569 ประจวบคีรีขันธ์ 4.รถจยย. ยี่ห้อคาวาซากิ รุ่น Z800 หมายเลขทะเบียน 5 ขฒ 1613 กทม. 5.รถจยย. ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น New ADV 160 สีดำ-เทา หมายเลขทะเบียน 7 ขท 2223 กทม. 6.รถจยย. ยี่ห้อเวสป้า รุ่น Sprint 150 สีเทา หมายเลขทะเบียน 5 ขฉ 2533 กทม. 7.รถจยย. ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นแอร็อกซ์ หมายเลขทะเบียน 7 ขย 8003 กทม. 8.รถจยย. ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น PCX สีน้ำเงิน-ดำ หมายเลขทะเบียน 6 ขย 5758 (ของนายธีรพงษ์ น้อยอุทัย) และมีรถยนต์ อีก 2 คัน คือ 1.รถยนต์ ยี่ห้อมิซซูบิชิ รุ่นไทรทัน สีขาว หมายเลขทะเบียน ผข 1451 ร้อยเอ็ด (ของนางธนพร ศรีภักดี) 2.รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นรีโว่ สีขาว หมายเลขทะเบียน 9 ก 8494 กทม. (ถูกขายทอดต่อไปที่ประเทศลาว ถูกสวมทะเบียนใหม่) จากการสอบถาม นางธนพร เล่าว่า เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ตนได้ประกาศโพสต์ขายรถกระบะภายในเฟซบุ๊กซึ่งเป็นกลุ่มซื้อ-ขายรถ ได้มีนายปิยะภูมิ ทักข้อความเข้ามาขอนัดเจอและดูรถ บอกว่าจะมารับรถตนที่บ้าน ตนจึงส่งโลเคชั่นให้นัดรับกันที่จังหวัดมหาสารคาม พอมาถึงตนได้ทำเอกสารขายดาวน์ ระบุจำนวนเงิน 55,000 บาท และตกลงกันเรื่องค่างวดรถเรียบร้อย หลังจากที่เขานำรถกลับไปพอถึงเวลาจ่ายค่างวดรถเดือนแรก เขาอ้างว่าเขามีปัญหาเรื่องการเงิน ตนจึงตัดสินใจเลื่อนให้จำนวน 3 ครั้ง ถ้าผิดนัดครั้งที่ 4 ตนจะไปเอารถกลับคืน เพราะว่าโดนไฟแนนซ์ตาม เขาบอกว่าถ้ามาเอารถคืนเขาจะให้คืนทันทีและไม่เอาเงินดาวน์ที่จ่ายตนไปคืนด้วย ตนจึงไปตามนัดที่เขานัดจะเอารถมา พอถึงที่นายปิยะภูมิบอกว่าเพื่อนเอารถไปใช้รถไม่อยู่ แล้วเขาผลัดตนมาตลอด ซึ่งตนก็ไปตามนัดเกือบทุกครั้ง พอไปถึงรถไม่อยู่ที่ตัวนายปิยะภูมิเลยซักครั้งเดียว ตนจึงเอะใจและรีบค้นชื่อเขาในเฟซบุ๊ก เห็นว่ามีการโพสต์ประจาน พอเห็นโพสต์เขากลับหายไป ตนจึงต้องตามเอง พยายามตามจากเพื่อนในเฟซบุ๊ก ไปตามหาที่บ้านที่อยู่ปัจจุบันและตามกลับบ้านเกิดของเขา ไปรอบแรกเจอตัว แต่ครั้งต่อมาไม่เคยเจอตัวนายปิยะภูมิเลยสักครั้ง ตนจึงโทรหาเพื่อนนายปิยะภูมิ ว่าให้เขาออกมาไกล่เกลี่ย ถ้ามาคุยกันตนจะไม่เอาเรื่องและไม่แจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พอนัดเจอกันครั้งสุดท้าย เขาออกมา แต่ไม่ใช่ตัวนายปิยะภูมิ เป็นเพื่อนของเขาเหมือนเดิม ตนจึงหมดความอดทนล็อคตัวไว้และเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ธัญญะ ให้เข้ามาจับกุมตัว ที่สภ.ธัญญะ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวเข้าที่ห้องสอบสวน บอกว่าผู้ต้องหายอมรับหมดแต่ว่าทางตำรวจไม่สามารถดำเนินคดีกับเขาได้ ตนไม่เข้าใจเพราะว่าตนมีเอกสารและหลักฐานทั้งหมด ทั้งภาพนิ่ง สัญญาการซื้อ-ขาย ภาพรถ และคลิปวิดีโอ และยังมีผู้เสียหายที่ตามมาอีกจำนวน 10 กว่าคน แต่ตำรวจไม่สามารถทำอะไรได้เลย ไม่ให้ความร่วมมือ ไม่ให้คุยกับผู้ต้องหา และไม่สอบปากคำผู้เสียหาย ปล่อยให้ผู้เสียหายรอตั้งแต่เช้ายันมืด จนปล่อยตัวเพื่อนนายปิยะภูมิกลับ ตนคิดว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการรับส่วยและรับเงิน จากทางพ่อผู้ก่อเหตุ เพราะตนเห็นตอนพ่อเขามาเขานำเงินออกมาวางไว้บนโต๊ะ ตนรู้สึกเสียใจ ที่ตำรวจไม่ให้ความร่วมมือและบอกว่าเขาไม่ใช่ผู้ต้องหา ไม่สามารถทำอะไรได้ ต้องปล่อยตัวกลับบ้าน ตนจึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเหลือผู้เสียหายบ้าง เพราะผู้เสียหายมีจำนวนเยอะหลายลาย แต่ตำรวจกลับนิ่งเฉย นายเกรียงไกร (เสื้อสีแดงเลือดหมู) เล่าว่า ตนได้รับการติดต่อมาจากนายปิยะภูมิ บอกว่าจะขอขายดาวน์แบบไม่ติดสัญญา เขาได้เสนอเงินดาวน์มาให้ตนจำนวน 10,000 บาท เขาบอกว่าเขาไว้ใจได้ ถ้าขายคนอื่นไว้ใจไม่ได้ นายปิยะภูมิพูดหว่านล้อมตนตลอดเวลา และบอกว่าเขามีธุรกิจ เปิดร้านเหล้าอยู่ที่จ.ปทุมธานี ต้องใช้รถจยย. จึงจะมาขอซื้อที่ตน บอกว่าจะทำสัญญาการซื้อ-ขาย ตนจึงตัดสินใจขาย วันที่นัดรับเขาโอนเงินดาวน์ให้ตน และเขียนสัญญาให้ถ้าตนไม่ไว้ใจสามารถไปลงบันทึกประจำวันได้ที่โรงพัก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไป หลังจากที่เขาเอารถไป เขาจ่ายค่างวดรถช้า พอถึงกำหนดงวดที่ 3 เขาขาดการติดต่อไป บล็อคเฟซบุ๊ก บล็อคไลน์ ตอนนี้ก็ไม่สามารถติดต่อได้ หลังจากนั้นตนได้เห็นในกลุ่มว่าเขาถูกประจานในเฟซบุ๊กว่าเป็นมิจฉาชีพ ตนจึงตั้งกลุ่มผู้เสียหายทั้งหมดขึ้นมา และแนะนำทุกคนให้เข้าไปแจ้งความนายปิยะภูมิ ซึ่งพฤติกรรมของเขาหลอกแบบเดียวกัน แต่ตนจะถูกหลอกด้วยคำพูดและตอนมารับรถ เขาขับรถฟอร์ด สีขาว ป้ายแดงติดตราตำรวจ หมายเลขทะเบียน บ 2828 กทม. อีกด้วย นายธีรพงษ์ (เสื้อแจ็คเก็ตสีดำ-เทา) เล่าว่า ตนโพสต์ขายรถ หลังจากนั้นนายปิยะภูมิได้ติดต่อมาว่าสนใจรถ จึงตกลงราคากันที่ เงินดาวน์ 25,000 บาท และต้องผ่อนรายเดือนอีก 36 งวด เขาจึงรับทราบและจะเข้ามาเอารถ ได้นัดกันส่งรถที่บ้านของเขา อยู่ที่คลอง 6 จ.ปทุมธานี ตนจึงตัดสินใจพาตัวเขาไปลงบันทึกประจำวันไว้ด้วยที่สภ.ธัญญะ เพื่อเป็นหลักฐาน ว่าจะมีการผ่อนต่อจนจบ หลังจากที่เขาได้รถไปแล้ว เขาส่งค่างวดรถมาทั้งหมด 3 เดือน หลังจากนั้นเขาหายไป ปิดเฟซบุ๊กหนี บล็อคตนทุกอย่าง ไม่สามารถติดต่อได้ ผ่านไปสักพักมีเพื่อนเขาทักมาอ้างว่าโทรศัพท์ของเขาพัง ขอเลื่อนค่างวดรถ ตนพยายามจะไปหาที่บ้านแต่ก็ไม่เจอใคร แต่ตนทราบข่าวมาว่าเพื่อนของเขาที่มาด้วยกันตอนมาเอารถถูกตำรวจจับ ตนจึงรีบไปที่ สภ.ธัญบุรี ทันที เพื่อจะไปแจ้งความซ้ำ แต่ตำรวจไม่ให้แจ้งความบอกให้ไปเอาหนังสือที่ไฟแนนซ์มาก่อน จึงไม่สามารถทำอะไรได้ ซึ่งตนรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะเพื่อนของเขาไม่ถูกดำเนินคดีทั้งที่ทำร่วมขบวนการด้วยกัน ตำรวจบอกว่าเขาไม่มีความผิด ไม่สามารถจับกุมตัวได้ ด้านเสี่ยเป้ บางกรวย กล่าวว่า วันนี้มีตัวแทนผู้เสียหาย จำนวน 10 คน เข้ามาร้องขอความช่วยเหลือว่าถูกแก๊งมิจฉาชีพหลอกมาซื้อรถ วางเงินดาวน์ แต่นำรถไปส่งขายออกที่ประเทศลาว ตนจะดำเนินเรื่องให้ผู้เสียหายจะพาไปร้องที่ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจยย. ให้ทางเจ้าหน้าที่สอบปากคำผู้เสียหายทุกคนพร้อมๆกัน พฤติกรรมของผู้ก่อเหตุมีการทำเอกสารและทำเรื่องบ่ายเบี่ยงไม่ให้เกี่ยวกับคดีอาญา โดยใช้กลอุบาย หลอกเพื่อให้ได้ทรัพย์มาและนำไปขาย ซึ่งรถทั้งหมด 10 กว่าคัน ที่ถูกหลอกจะโดนแบบเดียวกันหมด ทางผู้เสียหายหลายคนเข้าไปแจ้งความ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบางที่ไม่รับแจ้งเพราะใบสัญญาการซื้อ-ขายรถ ถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุปลอมแปลงและเป็นสัญญาปลอมเพื่อเลี่ยงคดีอาญา แต่ตนมองว่าไม่รอดเพราะมีผู้เสียหายหลายคน แต่ละคนทรัพย์สินมีราคาแพง ทำให้รวมๆแล้วค่าเสียหายเยอะ ตนมองว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มที่โจรกรรมรถโดยเฉพาะ เพื่อขายข้ามชาติ เพราะทุกคันที่ผู้เสียหายถูกหลอกไป รถไม่ได้อยู่ในประเทศไทยแล้ว มีผู้เสียหายไปตามได้มา 1 คัน ถูกขายไปที่ประเทศลาว ตนคิดว่าจะต้องมีขบวนการผู้อยู่เบื้องหลัง เพราะกลุ่มผู้ก่อเหตุอายุยังน้อย จะต้องมีคนจ้างมาทำเรื่องแบบนี้ ตนจะให้กองปราบรีบตรวจสอบให้เร็ว เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ ถ้ามีท่านไหนที่โดนกลุ่มนี้หลอกซื้อ-ขายรถไปให้เข้ามาหาตน ตนเชื่อว่ามีคนที่โดนมาก่อนหน้านี้หลายราย เพราะผู้เสียหายที่โดนมีอยู่ทุกจังหวัด