หลวงพี่น้ำฝน ช่วยทีมพระวินยาธิการหนองเสือ ปทุมธานี บุกทลาย แหล่งมั่วสุมจับพระนอกรีตสึกทั้งบาง เจ้าคณะอำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี ประสานงานสนธิกำลังหน่วยงาน สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดจังหวัดปทุมธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ. หนองเสือ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอหนองเสือ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัดปทุมธานี กอ.รมน.ปทุมธานี พระวินยาธิการ ทำลายแหล่งมั่วสุมของพระภิกษุสงฆ์ เจ้าหน้าที่อึ้งเจอทั้งพระเมาเหล้า เสพยา ส่วนกัญชา พระปลอม โดยเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีสั่ง จับสึก 14 รูปล้างบางไม่ให้เป็นที่หมองใจของญาติโยม วันนี้ 14 พ.ย. 67 ที่วัดพวงแก้ว คลองแปด ตบึงบอน อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี พระราชสุทธิธรรมจารย์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี สั่งการให้พระครูสุจิตรัตนากร เจ้าคณะอำเภอหนองเสือ ประสานงานสนธิกำลังระหว่างหน่วยงานนำโดย สำนักงานพระพุทธศาสนจังหวัดปทุมธานี กอ.รมน.จังหวัดปทุมธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองเสือเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัดปทุมธานี เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอหนองเสือ คณะวิยาธิการจังหวัดปทุมธานี กว่า 50 นาย เปิดปฏิบัติการกวาดล้างแหล่งมั่วสุมของพระภิกษุสงฆ์ ภายในสำนักสันติธรรมวิปัสนา เลขที่ 3/7 ม.4 ต.บึงชำอ้อ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ซึ่งได้ประสาน พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม ในฐานะประธานพระวินยาธิการภาค 14 เข้าร่วมเป็นที่ปรึกษาในการเปิดปฏิบัติการดังกล่าว โดยช่วงเช้าได้มีการเรียกประชุมชุดปฏิบัติการเพื่อเตรียมความพร้อมในบุกจู่โจมซึ่งมีข้อมูลจากสายลับว่ามีพระภิกษุสงฆ์ ประมาณ 20 รูป อาศัยอยู่ตามซุ้มพักภายใน ซึ่งน่าจะไม่รู้ยาเสพติด อบายมุข พระปลอม และเป็นแหล่งมั่วสุมชาวบ้านเอือมระอากับพฤติกรรม ซึ่งยังเคยปรากฏในโซเชียลมีเดียว่ามีบุคคลแต่งกายคล้ายพระยืนหน้าร้านร้านขายเนื้อในตลาดสดวิลล่า ตั้งอยู่บริเวณ คลอง8 ตำบลบึงชำอ้อ และสำนักอยู่ในสถานที่ดังกล่าว ทำให้เกิดความวิตกกังวลและไม่สบายใจสำหรับพุทธศาสนิกชน จากนั้นจู่จู่โดมจึงได้เปิดปฏิบัติการในการเข้าตรวจค้น ในจุดเป้าหมายซึ่งพบว่าเป็นพื้นที่ที่มีอาณาเขตและเป็นพื้นที่เอกชนโดยมีการจัดหมวดหมู่แบ่งเป็นเพลิงพัก ห้องพัก และบ้านหลังกระจัดกระจายทั่วบริเวณกว่า 20 ไร่ โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการนิมนต์ พระสงฆ์ที่กำลังจำวัดอยู่หลังจากออกไปบิณฑบาต ให้มารวมตัวห้องประชุมกลาง โดยได้ทำการตรวจสอบใบสูติบัตร ประจำตัวของพระสงฆ์ ซึ่งต้องตะลึงเมื่อพบว่ามีพระสงฆ์มีกลิ่นเหล้าคละคลุ้ง ซึ่งสารภาพว่าเพิ่มดื่มสุรา และการซุกกัญชา กระท่อม ไว้ในที่พัก จึงได้นิมนต์พระสงฆ์ที่ทั้งหมด 14 รูป มาทำการตรวจสอบประวัติ ที่หอประชุมวัดพวงแก้ว ซึ่งพบว่ามีพระดื่มสุรา 1 ราย มีสารเสพติดในปัสสาวะ 2 ราย พระปลอม 2 ราย และพระภิกษุกระทำผิดซ้ำซาก 7 ราย โดยบางรายแสดงท่าทีโวยวายไม่ยอมสึกเพราะถูกหลอกให้เสียเงินค่าบวชมา 5-6 หมื่นบาท บางรายเข้ามกราบขอขมาท่านเจ้าคณะอำเภอหนองเสือ และขอปรับตัวเป็นครั้งที่ 3 หลังจากลงนามยอมรับว่าจะไม่กลับมาในสถานที่ดังกล่าวอีก ซึ่งโดยสรุปคณะสงฆ์ได้มีมติให้สึกพระทั้งหมด 14 รูป พ้นจากความเป็นพระสงฆ์ เป็นการล้างบางเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำซากอีก โดยหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้พบกับพระภิกษุ ซึ่งมีการปลูกและเสพกัญชา ภายในที่พักโดยมีการหยอกล้อพูดคุยกับหลวงพี่น้ำฝนด้วยอารมณ์สนุกสนานเป็นที่หัวเราะกับเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปทำการตรวจค้น โดยยอมรับว่ากำลังจะจัดเตรียมเสพกัญชา ซึ่งช่วงที่หลวงพี่น้ำฝนควบคุมตัว ได้มีโทรศัพท์เข้ามาเจ้าตัวได้แจ้งไปที่ปลายสายว่า “ถูกควบคุมตัวแล้ว” เรียกเสียงหัวเราะให้กับหลวงพี่น้ำฝนและทีมงานที่บุกเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวด้วยความระอา โดยหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม กล่าวว่า วันนี้อาตมาได้ รับการประสานงานเพื่อมาช่วยพระครูสุจิตรัตนากร เจ้าคณะอำเภอหนองเสือ ในฐานะพระวินยาธิการพี่เคยมีประสบการณ์ในการปราบปรามพระนอกรีต ซึ่งในวันนี้ได้มีการหาข้อมูลและมีการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายในการโทรโจมตรวจค้น โดยได้แบ่งออกเป็นสามประเภท กลุ่มที่หนึ่งคือประเภทพระที่เศษยาเสพติดและดื่มสุรา กลุ่มที่สองคือกลุ่มพระปลอม กลุ่มที่สาม คือกลุ่มประเภทกระทำผิดซ้ำซากซึ่งเคยลงไว้แล้วว่าจะไม่กลับมาในสถานที่แห่งนี้เมื่อเวลาผ่านไปก็กลับไปแอบบวช และเข้ามาในสถานที่มั่วสุมแห่งนี้ หลวงพี่น้ำฝนก็ตอบไปว่า คณะสงฆ์ได้มีการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆเพื่อทำงานร่วมกันในการพัฒนาและขจัดพระที่ประพฤติไม่ดีออกไปจากศาสนาโดยจะเห็นวันนี้ญาติโยมจะได้มีการร้องเรียนพฤติกรรมและสถานที่ซ่องสุมต่างๆเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคณะสงฆ์ผู้ปฏิบัติหน้าที่พระวินยาธิการ พระสังฆาธิการ และเจ้าอาวาสหากมีการร่วมมือกันอย่างเต็มที่และปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาก็จะจะช่วยให้ พุทธศาสนิกชนมั่นใจในความงามของพระภิกษุสงฆ์ ดังที่เคยเป็นมานั่นเอง ปนิทัศน์ มามีสุข นส.ปณิดา มามีสุข จ.นครปฐม