ตำรวจทางหลวงรวบขบวนรถลักลอบขนคนต่างด้าว 3 คัน พบต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร โดยไม่ได้รับอนุญาต รวม 35 คน อัดแน่นเต็มคันรถ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้อำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง.ผบก.ป. ช่วยราชการ รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.สุขสวัสดิ์ คูสิทธิผล รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.เอกนิรุจฒิ์ วันสิริภักดิ์ ผกก.1 บก.ทล., พ.ต.ท.ธัช โพธิ์สุวรรณ รอง.ผกก.1 บก.ทล., พ.ต.ท.นาวิน คงสว่าง รอง.ผกก.1 บก.ทล. เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.4 กก.1 บก.ทล.(นครสวรรค์) นำโดย พ.ต.ต.เชษฐ์ศุภากร พิริยะพงษ์พันธ์ สว.ส.ทล.4 กก.1 บก.ทล. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.ทล.4 กก.1 บก.ทล. ได้ทำการจับกุม 1.นายตุลาฯ สัญชาติไทย ผู้ถูกจับที่ 1 2.นายวีระศักดิ์ฯ สัญชาติไทย ผู้ถูกจับที่ 2 3.นายพัฒนาฯ สัญชาติไทย ผู้ถูกจับที่ 3 ผู้ถูกจับที่ 4-38 บุคคลต่างด้าว สัญชาติเมียนมา โดยกล่าวหาว่า ผู้ถูกจับที่ 1, 2 และ 3 “ร่วมกันซ่อนเร้นหรือช่วยเหลือหรือช่วยด้วยประการใดๆ ให้คนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเพื่อให้พ้นจากการจับกุม” ผู้ถูกจับที่ 4 – 38 “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” สถานที่จับกุม บริเวณ ทล.117 กม.19 ( ขาล่อง ) ต.หนองเต่า อ.เก้าเลี้ยว จ.นครสวรรค์ สืบเนื่องจาก กก.1 บก.ทล. ได้มีการกวดขันจับกุมแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายและ ผู้นำพาในเส้นทางพื้นที่กองกำกับการ 1 อยู่บ่อยครั้ง พ.ต.อ.เอกนิรุจฒิ์ วันสิริภักดิ์ ผกก.1 บก.ทล. จึงได้สั่งการให้มีการสืบสวนถึงเส้นทางที่มีการลักลอบขนคนต่างด้าวผิดกฎหมายเข้ามาในพื้นที่ชั้นใน โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.4 กก.1 บก.ทล.(นครสวรรค์) สืบสวนในพื้นที่รับผิดชอบ จนกระทั่ง ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สำรวจเส้นทาง ทล.117 กม.19 พบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ TOYOTA สีเทา, รถยนต์ตู้ ยี่ห้อ TOYOTA สีขาว และ รถยนต์ตู้ ยี่ห้อ TOYOTA สีเทา ขับขี่ตามกันมามีน้ำหนักที่รถยนต์มากกว่ารถยนต์ปกติ โดยต้องสงสัยมีพิรุธ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกตรวจสอบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ TOYOTA สีเทา พร้อมกับได้แสดงความบริสุทธิ์ใจจนเป็นที่พอใจแล้วเบื้องต้นสอบถาม ผู้ถูกจับที่ 1 (แสดงตนเป็นผู้ขับขี่) แสดงท่าทางมีพิรุธ และมีการใช้โทรศัพท์ตลอดเวลา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ขอตรวจสอบโทรศัพท์เครื่องดังกล่าว พบว่า ผู้ถูกจับที่ 1 ได้ใช้โทรศัพท์เพื่อติดต่อกับ ผู้ถูกจับที่ 2 และ 3 ในการบอกเส้นทางในการใช้กระทำความผิดในครั้งนี้ และเจ้าหน้าที่ชุดจับอีกชุดได้ทำการตรวจสอบ รถยนต์ตู้ ยี่ห้อ TOYOTA สีขาว พร้อมกับได้แสดงความบริสุทธิ์ใจจนเป็นที่พอใจแล้วเบื้องต้นสอบถามผู้ถูกจับที่ 3 (แสดงตนเป็นผู้ขับขี่) และมีผู้ถูกจับที่ 4 – 25 นั่งโดยสารมากับรถยนต์ตู้คันดังกล่าวและได้ตรวจสอบ รถยนต์ตู้ ยี่ห้อ TOYOTA สีเทา พร้อมกับได้แสดงความบริสุทธิ์ใจจนเป็นที่พอใจแล้วเบื้องต้นสอบถามผู้ถูกจับที่ 3 (แสดงตนเป็นผู้ขับขี่) และมีผู้ถูกจับที่ 26 – 38 นั่งโดยสารมากับรถยนต์ตู้คันดังกล่าว จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญรถยนต์ทั้ง 3 คันมาตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียดอีกครั้งที่หน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงราชรถ (เก้าเลี้ยว) พบว่า ผู้ถูกจับที่ 4-38 เป็นคนต่างด้าว สัญชาติเมียนมา ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางแต่อย่างใดแสดง จากการสอบถามผู้ถูกจับที่ 1 ให้การยอมรับว่า ตนได้ขับขี่ รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ TOYOTA สีเทา โดยได้ขับขี่นำรถยนต์ตู้ ของผู้ถูกจับที่ 2 และ 3 มาจาก จ.เชียงราย และจะขับขี่นำรถของผู้ถูกจับ 2 และ 3 ไปส่งที่ จ.ปทุมธานี โดยกระทำแบบนี้ เป็นครั้งแรก ได้ค่าจ้างจำนวน 10,000 บาท/ครั้ง และทราบว่าในรถยนต์ตู้ของ ผู้ถูกจับที่ 2 และ 3 มีแรงงานต่างด้าวอยู่ภายในรถและแรงงานต่างด้าวดังกล่าวไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารแทนหนังสือเดินทางใดๆ และจากการสอบถามผู้ถูกจับที่ 2 ให้การยอมรับว่า ตนได้ขับขี่รถยนต์ตู้ นำผู้ถูกจับที่ 4 – 25 มาจาก จ.เชียงราย โดยจะนำผู้ถูกจับที่ 4 – 25 ไปส่งที่ จ.ปทุมธานี โดยกระทำแบบนี้เป็นครั้งแรก ได้ค่าจ้างจำนวน 5,000 บาท/ครั้ง และทราบดีอยู่แล้วว่า ผู้ถูกจับที่ 4 – 25 เป็นแรงงานต่างด้าว ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารแทนหนังสือเดินทางใดๆ ซึ่งมี ผู้ถูกจับที่ 1 เป็นผู้ขับขี่รถยนต์นำตลอดเส้นทางจริง และจากการสอบถามผู้ถูกจับที่ 3 ให้การยอมรับว่า ตนได้ขับขี่รถยนต์ตู้ นำผู้ถูกจับที่ 26 – 38 มาจาก จ.เชียงราย โดยจะนำผู้ถูกจับที่ 26 – 38 ไปส่งที่ จ.ปทุมธานี โดยกระทำแบบนี้เป็นครั้งที่ 3 ได้ค่าจ้างประมาณ 10,000 บาท/ครั้ง และทราบดีอยู่แล้วว่า ผู้ถูกจับที่ 26 – 38 เป็นแรงงานต่างด้าว ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารแทนหนังสือเดินทางใดๆ โดยมี ผู้ถูกจับที่ 1 เป็นผู้ขับขี่รถนำตลอดเส้นทางจริง จนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงเรียกตรวจสอบ และได้สอบถามผู้ถูกจับที่ 4-38 ผ่านล่ามแปลภาษาเมียนมาให้การยอมรับว่า ได้ลักลอบ เดินทางเข้ามาในประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติและเดินข้ามมา ในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก และจะมีคนพาออกมาขึ้นรถที่นำพา เพื่อจะเข้ามาหางานทำในประเทศไทย โดยเสียค่าใช้จ่าย จำนวน 12,000 บาท จากนั้นจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางและนำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเก้าเลี้ยว ภ.จว.นครสวรรค์ ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาจำนวน 38 คน ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา