ผู้ตรวจสำนักนายกฯลงพื้นที่อยุธยา ติดตาม2โครงการใหญ่เพื่อความคุ้มค่าสูงสุด
จังหวัด พระนครศรีอยุธยา ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ติดตามและสอดส่องโครงการที่ได้รับจัดสรรงบประมาณ 2 โครงการ กว่า 60 ล้านบาท เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุด
วันนี้ (1 ส.ค.65) นายประทีป การมิตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้การต้อนรับ นายสุวิทย์ วิจิตรโสภา ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ในโอกาสเดินทางมาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ครั้งที่ 2/2565 ณ ห้องประชุมบึงพระราม ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังจากนั้น ได้ลงพื้นที่สอดส่องแผนงาน/โครงการที่ได้รับจัดสรรงบประมาณกว่า 60 ล้านบาท บริเวณหลวงหมายเลข 32 (บ้านต้นโพธิ์ – บ้านเกาะ) อ.พระนครศรีอยุธยา และบริเวณหมู่ที่ 1 ตำบลปากจั่น อำเภอคลองหลวง
นายสุวิทย์ วิจิตรโสภา เปิดเผยว่า การประชุมครั้งนี้ ได้มีการพิจารณาถึงการสอดส่องแผนงานโครงการปรับปรุงถนน สายแยกทางหลวงหมายเลข 32 (บ้านต้นโพธิ์ – บ้านเกาะ) ระยะทาง 3.940 กิโลเมตร งบประมาณ 48,100.000 บาท โดยแขวงทางหลวงชนบทพระนครศรีอยุธยา เป็นผู้รับผิดชอบและโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำเจ้าป่าสัก บริเวณ หมู่ที่ 1 ตำบลปากจั่น อำเภอคลองหลวง งบประมาณ 19,800,000 บาท โดยสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบ
สำหรับถนนเส้นดังกล่าว ปัจจุบันสภาพผิวจราจรเกิดการชำรุดเสียหายเป็นหลุมบ่อ ประชาชนผู้ใช้เส้นทางได้รับความเดือดร้อน อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุและทรัพย์สินของประชาชนและเป็นเส้นทางเลี่ยงปัญหาการจราจรรวมถึงการขนส่งผลผลิตทางการเกษตรและอุตสาหกรรม ประกอบกับ มีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญและมีชื่อเสียงหลายแห่ง โดยเฉพาะ “เพนียดคล้องช้าง” การปรับปรุงและพัฒนาเส้นทางนี้เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในอนาคต และเพื่อยกระดับมาตรฐานชั้นทาง โดยสนับสนุนด้านการคมนาคมขนส่ง และรองรับปริมาณจราจรที่แออัด เพิ่มความสะดวกรวดเร็วและความปลอดภัยในการเดินทาง และยังบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่อยู่ตามแนวเขตสองข้างทาง อีกทั้งตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ทางทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ในส่วนของเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำเจ้าป่าสัก บริเวณหมู่ที่ 1 ตำบลปากจั่น อำเภอนครหลวง เป็นชุมชนดั้งเดิมและมีประชาชนที่ใช้งานพื้นที่บริเวณริมตลิ่งอย่างหนาแน่น เมื่อฤดูน้ำหลากตลิ่งก็จะถูกน้ำกัดเซาะจากกระแสน้ำที่ไหลแรง และเมื่อถึงฤดูแล้งปริมาณน้ำลดก็จะเกิดปัญหาตลิ่งทรุดตัว ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์การทรุดตัวตามแนวตลิ่งริมแม่น้ำป่าสัก มีการขยายตัวเป็นวงกว้างขึ้นในแต่ละปี ซึ่งหากปล่อยไว้อาจทำให้สิ่งก่อสร้างของทางประชาชนเกิดความเสียหายและพังทลายได้ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งเพื่อป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้น ความยาว 180 เมตร เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงและปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
อย่างไรก็ตาม จากการลงพื้นที่ติดตามพบว่าทั้ง 2 โครงการ ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ โดยเน้นย้ำให้แขวงทางหลวงชนบทพระนครศรีอยุธยา และสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพระนครศรีอยุธยา คำนึงถึงรายละเอียดของมาตรฐานที่ควรจะเป็น รวมถึงหารือกับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อให้การใช้งบประมาณเกิดความคุ้มค่า และช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
สุขุม แก้วกุดั่น อยุธยา