เค้นสอบ แม่ตั๊ก – ป๋าเบียร์ ยังปากแข็งยืนกรานปฏิเสธ ไม่ขอให้การในชั้นสอบสวน ด้านตำรวจเร่งประสาน ปปง. สืบทรัพย์ ยันยังไม่พบผ่องถ่ายออกนอกประเทศ เตรียมส่งฝากขังศาลรุ่งเช้าพรุ่งนี้ ต่อมาเวลาประมาณ 13.30 น. วันเดียวกัน ตำรวจ กก.1 บก.ปคบ. ได้คุมตัว น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร แม่ตั๊ก และ นายกานต์ เรื่องอร่าม ป๋าเบียร์ มาสอบปากคำยังกองบังคับการปราบปราม โดยมี พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.ไกรวิศท์ แสนทวีสุข ผกก.1.บก.ปคบ. เป็นผู้สอบปากคำด้วยตนเอง ทั้งนี้ระหว่างที่เจ้าหน้าที่คุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองรายเดินเข้าอาคารประชาอารักษ์ ตึกสำนักงานกองปราบฯนั้น ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม น.ส.กรกนก หรือ แม่ตั๊ก ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่เจ้าตัวปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยตอบสั้นๆเพียงว่า “ไม่เครียด” เช่นเดียว นายกานต์ หรือ ป๋าเบียร์ ที่ให้สัมภาษณ์สื่อสั้นๆเพียงว่า “จะออกมาชี้แจงภายหลังเมื่อให้การกับเจ้าหน้าที่เสร็จ ส่วนเรื่องการคืนทองของลูกค้ายืนยันว่าจะยังรับคืนเหมือนเดิม ต่อมาเวลา 14.15 น. ภายหลังเสร็จสิ้นการสอบปากคำเบื้องต้น พล.ต.ต.วิทยา ได้ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกี่ยวกับคดีดังกล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตำรวจได้ขอศาลอนุมัติหมายจับ 3 หมายจับ 4 ข้อหา และ หมายค้นอีก 2 จุด จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองได้ดังกล่าว สอบสวนเบื้องต้นทั้งคู่ยังคงให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และไม่ขอให้การใดๆ อย่างไรก็ตามคดีนี้เป็นคดีที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน แม้ว่าขณะนี้จะมีผู้เสียหายมาร้องทุกข์ 2 คน แต่ก็มีผู้เสียหายจำนวนมากที่ยังไม่ได้มาร้องทุกข์กับตำรวจ ดังนั้นพนักงานสอบสวนจะคัดค้านการประกันตัว และคาดว่าจะฝากขังต่อศาลอาญาในวันพรุ่งนี้ ส่วนเรื่องการประกันตัวขอให้เป็นดุลพินิจของศาล พล.ต.ต.วิทยา กล่าวต่อว่า ส่วนพยานหลักฐานที่ตรวจยึดได้จากบ้านของแม่ตั๊ก ที่มีทั้งตู้เซฟ และอาวุธปืน 4 กระบอก ตรวจสอบเบื้องต้นเป็นอาวุธปืนที่มีทะเบียน โดยเจ้าหน้าที่ก็ได้เก็บรวบรวมหลักฐานเอกสารได้พอสมควร แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะอยู่ระหว่างการตรวจสอบ อาจกระทบต่อคดี แต่มีการตรวจยึดทองได้บางส่วน ขณะที่ทรัพย์สินอื่นๆ เช่นรถหรูหลายคัน ที่มีกระแสข่าวว่าถูกขนย้ายไป อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้วนั้น ก็ยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเฝ้าสังเกตการณ์ ติดตามทรัพย์ตั้งแต่ก่อนที่หมายจับจะออกอยู่แล้ว ตลอดจนมีการเฝ้าระวังตามแนวชายแดน ซึ่งเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีการยักย้ายถ่ายเทรถหรูออกนอกประเทศ ทั้งนี้จะรายงานคดีไปยัง ปปง. เพื่อให้ดำเนินการสืบเส้นทางการเงินและทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด เนื่องจากคดีนี้เป็นมูลฐานความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน “ส่วนหลังจากนี้ตำรวจยังอยู่ระหว่างขยายผลบัญชีแถว 2 และ 3 รวมถึงบุคคลที่มาร่วมรีวิว เพื่อออกหมายเรียกมาสอบปากคำ ว่ามีส่วนรู้เห็นหรือไม่ อย่างไรก็ตามเบื้องต้นการไลฟ์รีวิวร่วมกันเข้าข่ายความผิดร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนที่ปรากฎภาพตำรวจสนิทสนมกับแม่ตั๊ก ยืนยันว่า ผู้บังคับบัญชาสั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว หากคนไหนมีส่วนเกี่ยวข้องก็ให้ดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญา และยืนยันภาพดังกล่าวไม่กระทบต่อการดำเนินคดี เพราะผู้บัญขาการตำรวจสอบสวนการสั่งการให้ดำเนินคดีไปตามพยานหลักฐานและให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย