สองผัวเมียเจ้าของร้านโทรศัพท์ ร้องกองปราบ เซ็นค้ำประกันรีไฟแนนซ์รถยนต์ให้รองสารวัตรสืบ แต่กลับไม่ส่งค่างวด จนตัวเองถูกยึดบ้านและที่ดิน สิ้นเนื้อประดาตัว ส่วนลูกหนี้ใช้ชีวิตปกติไร้ทุกข์ไร้โศก
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 23 ก.ย. ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายธมนันท์ แตงทิม หรือจ่าคิงส์ สะพานใหม่ พา นายฮัชฌา โพธิ์ละคร อายุ 43 ปี พร้อม น.ส.ปาริชาติ นาสิงเตา อายุ 43 ปี สองสามีภรรยาเจ้าของร้านรับซ่อมโทรศัพท์มือถือใน จ.นครราชสีมา เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ภานุพงศ์ ชมดารม รอง ผกก.(สอบสวน) กก.3 บก.ป. เพื่อร้องขอความเป็นธรรมหลังเคยเซ็นต์ค้ำประกันรีไฟแนนซ์รถยนต์ให้กับ ผู้กองแอ๊ค นายตำรวจ ยศ ร.ต.อ.ตำแหน่ง รองสว.สส.สภ.ละหานทราย แต่กลับไม่มีการผ่อนส่งค่างวดมาเป็นเวลากว่า 10 ปี จนตนเองถูกบริษัทไฟแนนซ์ฟ้องยึดบ้านและที่ดิน ทำให้ไม่มีที่อยู่อาศัยได้รับความเดือดเป็นอย่างมาก
น.ส.ปาริชาติ กล่าวว่า ตนและสามี รู้จักกับผู้กองแอ๊ค มานานเพราะเปิดร้านขายโทรศัพท์อยู่ติดกัน กินเที่ยวด้วยกันจนสนิทสนม ปี 2556 นายตำรวจคนดังกล่าวได้มาขอความช่วยเหลือให้ช่วยเซ็นค้ำประกันรีไฟแนนซ์รถยนต์ให้ ด้วยความไว้ใจและเห็นว่ามีหน้าที่การงานมั่นคงจึงยอมช่วยเหลือ ต่อมาปี 2558 ทราบว่าเขาติดค้างค่างวดรถคันดังกล่าวจนถูกฟ้องร้องขึ้นศาล ก่อนมีการเจรจาไกล่เกลี่ยให้ผ่อนชำระค่างวดเดือนละ 3,500 บาท ตอนนั้นก็ยังไม่ได้เอะใจอะไร เพราะคิดว่าเขาคงรับผิดชอบได้
น.ส.ปาริชาติ กล่าวต่อว่า กระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงปี 2565 ได้มีหนังสือจากกรมบังคับคดีสั่งยึดบ้านของตน เพราะเป็นคนค้ำประกัน เนื่องจากตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี ผู้กองแอ๊ค ไม่เคยส่งค่างวดเลย จนทำให้มีหนี้ติดค้างรวมดอกเบี้ยเป็นเงินรวม 1.2 ล้านบาท แต่เนื่องจากบ้านของตนเมื่อขายทอดตลาดแล้วยังไม่พอจ่ายหนี้ของผู้กองแอ๊ค ทางไฟแนนซ์จึงฟ้องศาลยึดที่ดินจำนวน 12 ไร่ ของตนที่ จ.นครพนม เพิ่มอีก เพื่อชดใช้หนี้แทนผู้กองแอ๊ค ซึ่งขณะนี้มีหนังสือจากกรมบังคับคดีแจ้งมายังตนแล้ว และ ที่ดินแปลงดังกล่าวกำลังจะถูกขายทอดตลาดในวันที่ 3 ต.ค. ที่จะถึงนี้
นายฮัชฌา กล่าวว่า ตอนนี้ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ไม่มีที่อยู่อาศัย ต้องไปเช่าบ้านอยู่ เพราะบ้านถูกยึด เดิมครอบครัวของตนอยู่ด้วยกัน 5 คน มี ตนและภรรยา ลูกอีก 2 คน และ แม่ของภรรยาอีก 1 คน หลังจากบ้านโดนยึดก็ได้ส่งแม่ไปอยู่กับน้องสะไภ้ เนื่องจากห้องเช่ามีขนาดเล็ก ซึ่งจากเรื่องที่เกิดขึ้นรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม ทำไมต้องเป็นเราที่ถูกไฟแนนซ์ตามเอาเรื่อง ทั้งๆที่เราไม่ใช่ลูกหนี้ ส่วนตัวเขาใช้ชีวิตทำงานปกติ เคยถามไปยังเขาก็ถูกบ่ายเบี่ยง อ้างกำลังทำเรื่องกู้สหกรณ์มาใช้หนี้ รวมถึงเคยร้องเรียนไปยังผู้ยังคับบัญชาของเจ้าตัวแล้วแต่เรื่องก็เงียบหาย ถึงตอนนี้ตนก็ยังไม่มั่นใจว่าเขาจะหาเงินมาใช้หนี้ไฟแนนซ์ทันหรือไม่ เพราะวันที่ 3 ต.ค.นี้ ที่ดิน 12 ไร่ ของตนก็จะถูกขายทอดตลาดแล้ว นั่นเท่ากับว่าตนและครอบครัวจะไม่เหลือทรัพย์สินใดๆอีกเลย ในวันนี้จึงตัดสินใจนำเรื่องเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับตำรวจกองปราบ เพราะไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปสกตำผู้เสียหาย ก่อนประสานเรื่องส่งต่อให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป