เมื่อวันที่ 21 ก.ย. เวลา 17.00 น. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.นิพล บุญเกิด ผบก.สอท.2 สั่งการให้ พ.ต.อ.ปกรณ์กิตติ์ ธนวรินทร์กุล ผกก.3 บก.สอท.2 พ.ต.ท.คำตัน ทำดี รอง ผกก.3 บก.สอท.2 พ.ต.ท.ศราวุธ ตะตวงดี สว.สส.กก.3 บก.สอท.2 เจ้าหน้าที่ตำรวจกก.3 บก.สอท.2 ร่วมกันจับกุมตัว นายนรินทร์ หรือตั้ม ดวงจันทร์แก้ว อายุ 37 ปี พร้อมของกลาง ซิมการ์ดโทรศัพท์เคลื่อนที่ ลงทะเบียนสำเร็จแล้ว จำนวน 60 ชิ้น ธนบัตร 1000 บาท จำนวน 7 ฉบับ (ที่ทำบันทึกไว้) โทรศัพท์ยี่ห้อ VIVO สีรุ้ง จำนวน 1 เครื่อง โดยจับกุมได้บริเวณถนนสุดบรรทัด ฝั่งตรงข้ามสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดสระบุรี (บขส.) ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 ได้ทำการสืบสวนทราบว่ามีผู้จำหน่ายซิมการ์ดหมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้กับโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ลงทะเบียนเรียบร้อยแล้วพร้อมใช้งานจากผู้ใช้ Facebook ชื่อบัญชี “Tum Narin” ซึ่งเป็นการกระทำผิดตาม พรก.มาตราการป้องกันและปราบปราม อาชญากรรมทางเทศในไลยี พ.ศ. 2566 จึงได้ให้สายลับติดต่อขอซื้อซิมการ์ดโทรศัพท์ที่มีการลงทะเบียนสำเร็จแล้ว จำนวน 100 ซิมการ์ด ในราคาซิมการ์ดละ 110 บาท โดยนัดรับกันที่บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดสระบุรี (บชส.)
ต่อมาเวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ให้สายลับไปที่จุดนัดพบโดยนั่งรอที่บริเวณป้ายรถประจำทางหน้า บขส.เมืองสระบุรี จากนั้นได้มีรถยนต์ยี่ห้อ มิซูบิชิ สีน้ำเงินดำ คันทะเบียน กร 885 สระบุรี มาจอดเรียกสายลับขึ้นรถคันดังกล่าวไปแล้วขับวนมาจอดที่บริเวณถนนฝั่งตรงข้ามทางเข้า บขส. เมื่อสายลับได้รับของแล้วลงจากรถเจ้าหน้าที่ที่ติดตามสังเกตุการณ์พฤติการมาโดยตลอดได้เข้าแสดงตัวขอตรวจค้นผลการตรวจค้นพบธนบัตรฉบับละ 1000 บาทจำนวน 7 ใบซื่อตรงกับเงินที่เจ้าหน้าที่ทำบันทึกไว้ และทำการตรวจยึดซิมการ์ดที่ขายให้สายลับจำนวน 60 ซิมไว้ ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าลงทะเบียนแล้วโดยเป็นชื่อบุคคบอื่น
จากการสอบถาม นายนรินทร์ ยอมรับว่า ตนเองลักลอบขายซิมผ่านโซเชียลจริง ซึ่งลูกค้าสั่งซิมไว้จำนวน 100 ซิม แต่หาของไม่ทันจึงนำมาส่งให้แค่ 60 ซิม ส่วนการลงทะเบียนตนเองไม่ทราบเพราะตอนซื้อมาก็ลงทะเบียนมาให้เรียบร้อยแล้วซึ่งรับมาขายแบบนี้เป็นครั้งที่ 2 ก็มาถูกจับ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อ หรือขายหมายเลขโทรศัพท์สำหรับบริการเคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้วแต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้” ตาม พรก.มาตราการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 มาตรา 11 ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี และจะติดตามขยายผลไปยังร้่นค้าที่จำหน่ายซิมมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป