ตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ระดมกวาดล้างอาชญากรรม ทางกองบัญชาการสอบสวนกลางโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. จึงสั่งการให้ระดมกวาดล้างอาชญากรรมทั่วไปและการกระทำความผิดรวมถึงการก่ออาชญากรรมเกี่ยวกับชีวิตและอาวุธ
กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. สั่งการให้ ว่าที่ พ.ต.อ.ไกรวิศท์ แสนทวีสุข ผกก.1 บก.ปอศ., พ.ต.ท.วีระพงษ์ หอมหวล รอง ผกก.1 บก.ปอศ.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.สรัล ยศพลพิเนต สว.กก.1 บก.ปอศ. พร้อมเจ้าหน้าตำรวจ กก.1 บก.ปอศ.พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ และตัวแทนผู้รับมอบอำนาจ บริษัท พานาโซนิค คอปอเรชั่น ร่วมกันจับกุม น.ส.กัณฐมณี สงวนนามสกุล, น.ส.นันทิดา สงวนนามสกุล, น.ส.สุวภัทร สงวนนามสกุล และ น.ส.กรรณิกา สงวนนามสกุล ฐานความผิด “ร่วมกันจำหน่าย เสนอจำหน่าย และมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักร”
เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดของกลาง แบตเตอรี่ ที่ปลอมเครื่องหมายการค้ายี่ห้อ Panasonic, เครื่องพิมพ์สำหรับพิมพที่อยู่ในการจัดส่งสินค้า, เอกสารสรุปยอดสินค้า บนเว็ปไซร์ Shopee, Lazada, คอมพิวเตอร์ Notebook และกล่องพัสดุสำหรับจัดส่งสินค้า โดยจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาได้ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านรามคำแหง แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร
โดยก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอศ. ได้รับแจ้งความร้องทุกข์จากบริษัท พานาโซนิค คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น ว่ามีกลุ่มบุคคลลักลอบกักเก็บและเสนอจำหน่าย แบตเตอรี่ (ถ่านไฟฉาย) ผ่านแพลตฟอร์ม Shopee และ Lazada จึงได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าแหล่งลักลอบกักเก็บและเสนอจำหน่าย สินค้าที่ปลอมเครื่องหมายการค้าฯ ตั้งอยู่ภายในบ้านหลังหนึ่ง ในหมู่บ้านหรูย่านรามคำแหง และยังพบอีกว่ากลุ่มผู้กระทำความผิดเป็นกลุ่มบุคคลเดิมที่มีพฤติการณ์ลักลอบกักเก็บและเสนอจำหน่าย ซึ่งเคยถูกจับกุมดำเนินคดีเมื่อปี 2564 ไปแล้วในข้อหาเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปอศ. จึงได้เข้าการตรวจค้นบ้านเป้าหมาย ผลการตรวจค้นพบแบตเตอรี่ปลอมยี่ห้อ Panasonic กว่า 20,000 ชิ้นและแบตเตอรี่ปลอมยี่ห้ออื่นๆอีกเป็นจำนวนมาก
จากการสอบถามผู้ต้องหาในเบื้องต้นให้การว่า ได้ร่วมกันลักลอบกักเก็บและเสนอจำหน่าย แบตเตอรี่ปลอมมาตั้งแต่ปี 2564 หลังจากถูกจับกุมก็หยุดไปประมาณ 2-3 เดือนและกลับมาขายอีก โดยการเปลี่ยนสถานที่กักเก็บและรูปแบบการเสนอจำหน่าย ซึ่งในครั้งนี้จะเน้นขายผ่านสื่อโซเชี่ยลออนไลน์ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์ม Shopee , Lazada หรือ Facebook ซึ่งสินค้าที่จำหน่ายจะรับมาจากกลุ่มผู้ค้าชาวจีน และสินค้าดังกล่าวไม่มีคุณภาพ
บก.ปอศ.ฝากเตือนภัย แบตเตอรี่ที่ผู้กระทำความผิดลักลอบเสนอจำหน่ายนั้น โดยส่วนใหญ่จะเป็นถ่ายไฟฉายขนาดต่างๆ รวมทั้งถ่านไฟฉายกระดุม ซึ่งเป็นสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ เป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน ควรซื้อจากตัวแทนจัดจำหน่ายที่น่าเชื่อถือ ทั้งนี้ความผิดในการละเมิดเครื่องหมายการค้า ตามพระราชบัญญติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มีโทษสูงสุด จำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 400,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ